แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ร่วมเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ตึกแถวพิพาท ซ. ได้ทำสัญญาจะซื้อตึกแถวนั้นจากโจทก์ร่วม แล้วเอามาให้จำเลยเช่าการที่จำเลยเข้าอยู่ในตึกแถวพิพาท จึงเป็นการเข้าอยู่โดยโจทก์ร่วมรู้เห็นยินยอมและได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วมโดยปริยายมาแต่แรกแล้ว แม้ต่อมาโจทก์ร่วมจะบอกเลิกสัญญาจะซื้อขายกับ ซ. ในภายหลังและขอให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทจำเลยไม่ยอมออกก็ตาม ก็เป็นเพียงการอยู่โดยละเมิดในทางแพ่งเท่านั้น หาเป็นความผิดฐานบุกรุกไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บุกรุกเข้าไปอยู่อาศัยในตึกแถวเลขที่ 5 ถนนทนุรัตน์แขวงทุ่งวัดดอน เพื่อถือการครอบครองตึกแถวดังกล่าว อันเป็นอสังหาริมทรัพย์ของบริษัททีม จำกัด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364และ 365
จำเลยให้การปฏิเสธ
บริษัททีม จำกัด ผู้เสียหายขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 362, 364 และ 365 ให้ลงโทษตามมาตรา 365 อันเป็นบทหนัก ให้จำคุกจำเลย 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตึกแถวพิพาทเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ร่วมและจำเลยได้เข้าอยู่ในตึกแถวดังกล่าวจริง ก่อนจำเลยเข้าอยู่ นายเซียะได้ทำสัญญาจะซื้อตึกแถวนั้นจากโจทก์แล้วเอามาให้จำเลยเช่า ด้วยเหตุนี้โจทก์ร่วมจึงมิได้ว่ากล่าวและยอมให้จำเลยเข้าไปอยู่ในตึกแถวพิพาทได้ จำเลยจึงเข้าไปอยู่ในตึกแถวพิพาท โดยการรู้เห็นยินยอมของโจทก์ร่วมและได้รับอนุญาตจากโจทก์ร่วมโดยปริยายมาแต่แรก ฉะนั้น ถึงแม้โจทก์ร่วมจะบอกเลิกสัญญาซื้อขายกับนายเซียะภายหลังและขอให้จำเลยออกจากตึกแถวพิพาทแล้ว จำเลยไม่ยอมออก จึงเป็นการอยู่โดยละเมิดในทางแพ่งเท่านั้น หามีเจตนาบุกรุกตึกแถวพิพาทของโจทก์ร่วมไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานบุกรุกตามที่โจทก์ฟ้อง
พิพากษายืน