แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การวินิจฉัยข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากคำพยานหลักฐานในท้องสำนวน แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นยังหาได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว และเรื่องจำเลยใช้สถานที่ประกอบการค้า ศาลอุทธรณ์จึงวินิจฉัยไม่ตรงตามข้อหาในชั้นฟ้องอุทธรณ์ เป็นการไม่ชอบ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำสัญญาเช่าที่โจทก์ส่วนหนึ่งของโฉนดที่ ๒๐๑๙ ซอยกิ่งเพชร ตำบลถนนเพชรบุรี อำเภอดุสิต จังหวัดพระนครเนื้อที่ ๑ งานเศษ มีกำหนด ๓ ปี ค่าเช่าเดือนละ ๒๐ บาท สัญญาเช่าสิ้นสุดแล้ว จำเลยค้างค่าเช่นแต่กุมภาพันธ์ ๒๔๙๘ ถึงวันฟ้องรวม ๗ เดือนเศษ เป็นค่าเช่า ๑๕๐ บาท ทั้งเมื่อ พ.ศ. ๒๔+๕ จำเลยได้แบ่งที่ดินที่เช่าจากโจทก์ไปให้คนอื่นเช่าโดยจำเลยไม่บอกโจทก์ หรือรับอนุญาตจากโจทก์ เป็นการผิดสัญญาทั้งจำเลยใช้ที่เช่าเป็นที่เก็บรถ ๓ ล้อ เพื่อให้บุคคลอื่นเช่าเป็นการประกอบการค้า จึงฟ้องศาลเพื่อให้บังคับ
จำเลยให้การว่า พ.ศ. ๒๔๗๙ จำเลยเช่าที่พิพาทจากนางแต้มเพื่อปลูกบ้านอยู่ ต่อมาประมาณ พ.ศ. ๒๕๘๑ มีคนอื่นขอแบ่งเช่าบ้าน นางแต้มรู้เห็นยินยอม พ.ศ.๒๔๙๑ จำเลยเปลี่ยนมาเช่ากับโจทก์ ๆ ทราบดี และโจทก์ยินยอมทำสัญญาให้จำเลย ๆ ปฏิบัติตามเดิม ไม่ผิดสัญญา การมี ๓ ล้อเช่าไปรับจ้างมาเก็บและให้เช่าที่เก็บ ๓ ล้อไม่ใช่ประกอบการค้า จำเลยไม่เคยผิดนัดชำระค่าเช่า ได้ส่งไปทางธนาณัติแต่โจทก์ไม่รับเองJ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยและบริวารออกจากที่พิพาทอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายโดยศาลชั้นต้นรับรองให้อุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้ อุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลฎีกาได้วินิจฉัยปัญหาข้อ ๓ ที่จำเลยเถียงว่า ศาลชั้นต้นไม่ได้วินิจฉัยว่า โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบล่วงหน้า ศาลอุทธรณ์กลับไปวินิจฉัย คดีนี้จำเลยจะอุทธรณ์ได้แต่ปัญหาข้อกฎหมาย การวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ศาลอุทธรณ์จะต้องฟังข้อเท็จจริงตามที่ศาลชั้นต้นได้วินิจฉัยจากคำพยานหลักฐานในห้องสำนวน แต่เรื่องนี้ศาลชั้นต้นรับรองให้จำเลยอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงได้ด้วย เมื่อศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยมีอำนาจให้เช่าช่วงได้ แล้ววินิจฉัยเลยไปว่าโจทก์ได้บอกเลิกการเช่าแก่จำเลยแล้ว และว่าจำเลยใช้สถานที่เช่าประกอบการค้า ซึ่งประเด็น ๒ ข้อนี้ศาลชั้นต้นยังหาได้วินิจฉัยไม่ คำพิพากษาศาลอุทธรณ์จึงไม่ตรงกับข้อหาในชั้นฟ้องอุทธรณ์ ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิฯแพ่ง มาตรา ๑๔๒,๒๔๒,๒๔๓,๒๔๖ จึงพิพากษาให้ยกคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้ศาลอุทธรณ์พิจารณาและพิพากษาใหม่.