คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 689/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอเพิ่มเติมฟ้องอ้างเหตุความพลั้งเผลอถือว่ามีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคแรก
การขอเพิ่มเติมวัน เวลาทำผิดในฟ้องเดิมเป็นการขอเพิ่มเติมรายละเอียดตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา158(5) ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา164 การขอเพิ่มเติมรายละเอียดที่มิได้กล่าวไว้เช่นนี้ ไม่ว่าทำในระยะใดในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบเมื่อไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงข้อต่อสู้ในข้อนั้น ก็ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ยื่นคำร้องขอเพิ่มเติมวันเวลากระทำผิดในคำฟ้องเดิมอ้างว่าฟ้องเดิมบกพร่องโดยความพลั้งเผลอ

จำเลยทั้งสองคัดค้านว่าไม่ควรอนุญาตทำให้จำเลยเสียเปรียบ

ศาลชั้นต้นเห็นว่าหากอนุญาตให้เพิ่มเติมได้จะทำให้จำเลยเสียเปรียบโดยหลงต่อสู้คดี เพราะได้สืบพยานโจทก์มาแล้ว 2 นัด และได้สืบพยานไปแล้ว 5 คน ทั้งเหตุผลที่โจทก์ขอเพิ่มเติมฟ้องก็ไม่เป็นเหตุอันสมควรที่ศาลจะอนุญาตได้ จึงให้ยกคำร้องและสั่งงดสืบพยานโจทก์จำเลยต่อไป แล้ววินิจฉัยว่าเมื่อฟ้องของโจทก์มิได้ระบุวันเวลาทำผิดเป็นฟ้องที่ไม่สมบูรณ์ แม้จะสืบพยานได้ความตามฟ้องก็ลงโทษจำเลยไม่ได้ ต้องยกฟ้องตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 161 จึงพิพากษาให้ยกฟ้อง

ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ โดยเห็นว่าที่โจทก์อ้างว่าฟ้องบกพร่องโดยความพลั้งเผลอถือได้ว่ามีเหตุสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 163 วรรคแรก และวันเวลาทำผิดตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 (5) ถือว่าเป็นรายละเอียดที่ต้องมีในฟ้อง ทั้งตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 164 การเพิ่มเติมรายละเอียดซึ่งมิได้กล่าวไว้เช่นนี้ไม่ว่าทำในระยะใดในระหว่างพิจารณาในศาลชั้นต้น มิให้ถือว่าทำให้จำเลยเสียเปรียบ เว้นแต่จำเลยได้หลงต่อสู้ในข้อที่มิได้กล่าวไว้นั้น คดีนี้ไม่ปรากฏว่าจำเลยหลงต่อสู้ในข้อนี้อย่างใด จึงให้ยกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้รับคำร้องขอเพิ่มเติมฟ้องของโจทก์ และให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาพิพากษาใหม่

Share