คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 696/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ของกลางวัตถุออกฤทธิ์ที่ศาลจะสั่งริบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 116 ตามคำขอท้ายฟ้องโจทก์ได้นั้นต้องเป็นกรณีมีการลงโทษตามมาตรา 89 แต่คดีนี้ศาลพิพากษายกฟ้อง จึงไม่อาจริบเมทแอมเฟตามีนของกลางอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ให้แก่กระทรวงสาธารณสุข ตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ แต่เมื่อการมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นความผิดซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ให้ริบเสียทั้งสิ้นไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิดและมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ดังนี้ ศาลย่อมมีอำนาจริบเมทแอมเฟตามีนของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขายเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 จำนวน 1 เม็ด น้ำหนัก 0.08 กรัม ให้แก่สายลับในราคา 50 บาท โดยไม่ได้รับอนุญาต ตามวันเวลาดังกล่าวเจ้าพนักงานตำรวจจับกุมจำเลยได้ พร้อมกับยึดธนบัตรฉบับละ50 บาท จำนวน 1 ฉบับ ที่สายลับใช้ล่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลย กับยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 1 เม็ด จากสายลับที่ล่อซื้อจากจำเลยเป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 13 ทวิ, 89, 116 และริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 13 ทวิวรรคหนึ่ง, 89 จำคุก 5 ปี ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์ แต่เมทแอมเฟตามีนของกลางให้ริบให้แก่กระทรวงสาธารณสุข
โจทก์ฎีกา
ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า จำเลยกระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การยึดธนบัตรของกลางจากตัวจำเลยจึงมิได้บ่งชี้ให้เห็นโดยปราศจากข้อสงสัยว่าเป็นธนบัตรที่จำเลยได้จากการขายเมทแอมเฟตามีนให้สายลับโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการตรวจค้นตัวจำเลยก็ไม่พบเมทแอมเฟตามีนและธนบัตรอื่นแต่ประการใด จึงมีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยได้ขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สายลับหรือไม่ ให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนี้ให้จำเลย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 227 วรรคสอง ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องมานั้นชอบแล้ว
อนึ่ง วัตถุออกฤทธิ์ที่จะริบให้แก่กระทรวงสาธารณสุขตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 116 นั้น ต้องเป็นกรณีมีการลงโทษตามมาตรา 89 แต่คดีนี้ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้อง จึงไม่อาจริบเมทแอมเฟตามีนของกลางอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ให้แก่กระทรวงสาธารณสุขตามบทบัญญัติดังกล่าวได้ แต่การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นความผิด ซึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ให้ริบเสียทั้งสิ้น ไม่ว่าเป็นของผู้กระทำความผิด และมีผู้ถูกลงโทษตามคำพิพากษาหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางให้แก่กระทรวงสาธารณสุข จึงไม่ถูกต้อง สมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3

Share