คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1331/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่งบัญญัติในเรื่องการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันวินาศภัย การที่โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้บาดเจ็บไป และเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยก็โดยอาศัยสัญญาประกันภัยฉบับที่โจทก์ทำกับจำเลยจึงเป็นการฟ้องให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามบทบัญญัติดังกล่าวโจทก์มิใช่บุคคลภายนอกที่ใช้ค่าทดรองไปแล้วรับช่วงสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลย เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกำหนด 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์ไว้จากโจทก์มีข้อตกลงว่าจำเลยจะชดใช้สินไหมทดแทนในนามของโจทก์ ในกรณีที่โจทก์ต้องรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอก รถยนต์เก๋งสาธารณะที่เอาประกันภัยไว้เกิดอุบัติเหตุชนกับรถจักรยานยนต์เป็นเหตุให้ผู้ขับรถจักรยานยนต์ และผู้นั่งซ้อนท้ายได้รับบาดเจ็บ โจทก์แจ้งให้จำเลยทราบแล้ว จำเลยตกลงให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแทนไปก่อนเพื่อยุติปัญหาและโจทก์ได้ชำระเงินค่าเสียหายให้แก่บุคคลภายนอกไปแล้วตามข้อตกลงกับจำเลยรวม 131,000 บาท ต่อมาจำเลยไม่ยอมชำระคืน ขอให้จำเลยชำระเงินจำนวน 170,999.86 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 131,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การว่า โจทก์มิได้ฟ้องภายในระหว่างเวลา 2 ปีนับแต่วันเกิดวินาศภัย ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าโจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์เก๋งสาธารณะหมายเลขทะเบียน1 ท – 9953 กรุงเทพมหานคร จำเลยเป็นผู้รับประกันภัย เมื่อวันที่26 มีนาคม 2535 เวลา 3 นาฬิกา รถยนต์เก๋งสาธารณะไปชนรถจักรยานยนต์ของผู้อื่น เป็นเหตุให้โจทก์ต้องชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ขับรถจักรยานยนต์และผู้นั่งซ้อนท้าย โจทก์ไปขอรับค่าเสียหายคืนจากจำเลยแล้วแต่จำเลยไม่ยอมใช้คืนให้
ประเด็นที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่ ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 882 วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า ในการเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทน ท่านห้ามมิให้ฟ้องคดีเมื่อพ้นกำหนด 2 ปี นับแต่วันวินาศภัย คดีนี้เกิดวินาศภัยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม 2535 โจทก์จะเรียกค่าสินไหมทดแทนต้องฟ้องภายในกำหนด 2 ปี นับแต่วันวินาศภัย โจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2539 พ้นกำหนด 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ ที่โจทก์อ้างว่ากรณีนี้โจทก์เป็นผู้ทดรองจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้บาดเจ็บขอรับช่วงสิทธิของผู้บาดเจ็บเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยนั้นเห็นว่า โจทก์เป็นผู้เอาประกันภัยซึ่งเป็นคู่สัญญาโดยตรงกับจำเลย การที่โจทก์ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้บาดเจ็บไปแล้วขอเรียกค่าสินไหมทดแทนจากจำเลยก็โดยอาศัยสัญญาประกันภัยฉบับที่โจทก์ทำกับจำเลย จึงเป็นการฟ้องให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนตามบทบัญญัติดังกล่าว โจทก์มิใช่บุคคลภายนอกที่ใช้ค่าทดรองไปแล้วรับช่วงสิทธิเรียกเงินคืนจากจำเลย เมื่อโจทก์ฟ้องเรียกให้ใช้ค่าสินไหมทดแทนเกินกำหนด 2 ปี ฟ้องโจทก์จึงขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share