คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3794/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อศาลมีคำสั่งบังคับตามสัญญาประกันแล้ว ถ้าผู้ประกันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลย่อมเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะต้องดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามสัญญานั้น แต่เนื่องจากไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นพิเศษว่าจะบังคับอย่างไร จึงต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับ คือจะต้องร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลภายใน 10 ปี เมื่อพนักงานอัยการมาร้องขอให้ศาลบังคับคดีเกินกว่า 10 ปีนับแต่วันที่ศาลมีคำสั่ง สิทธิในการบังคับคดีของพนักงานอัยการย่อมเป็นอันสิ้นไป
ศาลยึดโฉนดที่ผู้ประกันนำมาให้ศาลยึดไว้ประกอบสัญญาประกันก็เพื่อประโยชน์ในการบังคับชำระหนี้ เมื่อการบังคับชำระหนี้ไม่อาจกระทำได้ ก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะยึดโฉนดของผู้ประกันไว้ต่อไป

ย่อยาว

คดีนี้เดิมโจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้ง ๙ คน ตามพระราชบัญญัติป้องกันการกระทำอันเป็นคอมมิวนิสต์ พ.ศ. ๒๔๙๕ ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น ผู้ประกันยื่นคำร้องขอให้ศาลปล่อยจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ชั่วคราว ศาลอนุญาต ตีราคาค่าประกันคนละ ๒๐๐,๐๐๐ บาท ต่อมาผู้ประกันผิดสัญญา ศาลมีคำสั่งลงวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๙ ให้ปรับผู้ประกันตามสัญญา และให้ชำระค่าปรับภายใน ๓๐ วัน ผู้ประกันทราบคำสั่งศาลแล้วไม่ชำระค่าปรับตามคำสั่งศาล ศาลชั้นต้นจึงมีหนังสือลงวันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๒ แจ้งให้อธิบดีกรมอัยการดำเนินการบังคับคดีแก่ผู้ประกันแต่พนักงานอัยการไม่ดำเนินการบังคับให้เป็นไปตามสัญญาประกัน จนวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๓๑ พนักงานอัยการขอให้ศาลหมายเรียกผู้ประกันมาสอบถาม และขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีให้ วันที่ ๒ มิถุนายน ๒๕๓๑ ศาลมีคำสั่งให้หมายเรียกผู้ประกันมาสอบถามและหมายตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดี
ผู้ประกันยื่นคำร้องต่อศาลว่า ตั้งแต่ศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกันตามสัญญาจนถึงวันที่พนักงานอัยการขอให้ศาลออกหมายบังคับคดีเพื่อยึดทรัพย์ของผู้ประกันเป็นเวลา ๑๑ ปี ๖ เดือนเศษล่วงเลยอายุความการบังคับคดีแล้ว ขอให้ยกเลิกหมายบังคับคดีและหมายเรียกผู้ประกันมาสอบถาม กับให้มีคำสั่งคืนโฉนดที่วางไว้เป็นหลักประกัน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๑๘
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องและให้ดำเนินการบังคับคดีต่อไป
ผู้ประกันอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้เพิกถอนหมายบังคับคดีและให้คืนโฉนดเลขที่ ๔๔๔๕๒ ตำบลคลองกุ่ม เขตบางกะปิ กรุงเทพมหานครแก่ผู้ร้อง
พนักงานอัยการ กรมอัยการ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๑๙ เมื่อศาลมีคำสั่งบังคับตามสัญญาประกันแล้ว ถ้าผู้ประกันไม่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลตามมาตรา ๑๑(๘) แห่งพระราชบัญญัติพนักงานอัยการ พ.ศ. ๒๔๙๘ ย่อมเป็นหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะต้องดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามสัญญานั้น แต่จะบังคับผู้ประกันอย่างไร ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาไม่ได้บัญญัติไว้ทั้งไม่มีกฎหมายอื่นใดบัญญัติไว้เป็นพิเศษ กรณีจึงต้องนำบทบัญญัติในลักษณะ ๒ ว่าด้วยการบังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑ ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๕ มาใช้บังคับ ซึ่งตามมาตรา ๒๗๑ แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ผู้ที่จะบังคับคดีชอบที่จะร้องขอให้บังคับคดีตามคำพิพากษาหรือคำสั่งศาลได้ภายใน๑๐ ปีนับแต่วันที่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง หาใช่ไม่มีระยะเวลาในการบังคับดังที่ฎีกาไม่ เมื่อคดีได้ความว่าศาลมีคำสั่งปรับผู้ประกันในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๑๙ และพนักงานอัยการมาร้องขอให้ศาลบังคับคดีในวันที่ ๑๓ พฤษภาคม ๒๕๓๑ จึงเกินกำหนด ๑๐ ปี นับแต่วันที่ศาลมีคำสั่งสิทธิในการบังคับคดีของพนักงานอัยการย่อมเป็นอันสิ้นไป ไม่ชอบที่ศาลจะออกหมายบังคับคดีให้
ส่วนข้อที่ฎีกาว่า ศาลเป็นผู้ครอบครองโฉนดที่ผู้ประกันนำมาให้ศาลยึดไว้ประกอบสัญญาประกัน ศาลจึงมีสิทธิยึดโฉนดไว้จนกว่าจะได้รับชำระหนี้นั้น เห็นว่า การที่ศาลยึดโฉนดไว้ก็เพื่อประโยชน์ในการบังคับชำระหนี้ เมื่อการบังคับชำระหนี้ไม่อาจกระทำได้ดังวินิจฉัยแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่ศาลจะยึดโฉนดของผู้ประกันไว้ต่อไป
พิพากษายืน

Share