แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นเรื่องที่ผู้กระทำผิดได้ทรัพย์ด้วยการหลอกลวง แต่ความผิดฐานรับของโจร ทรัพย์ที่ได้มาด้วยการฉ้อโกงนั้น ผู้รับของโจรไม่ได้ไปหลอกลวงด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องในข้อ (ข) สำหรับความผิดฐานฉ้อโกงว่า จำเลยที่ 2 ได้ปุ๋ยมาด้วยการร่วมกับจำเลยที่ 1 นำใบอินวอยซ์ปลอมไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัท ส. แต่กลับบรรยายฟ้องข้อ(ค) ในความผิดฐานรับของโจรว่า จำเลยที่ 2 รับปุ๋ยรายเดียวกันนี้ไว้โดยรู้อยู่แล้วว่า เป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกงซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปหลอกลวงด้วยจึงขัดแย้งกัน การที่โจทก์ฟ้องรวมกันมาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงแห่งคดีว่าจะเป็นความผิดฐานใดเช่นนี้ จำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้าใจได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่ากระทำการอย่างใดแน่ ย่อมต่อสู้คดีไม่ถูก ฟ้องของโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 ในความผิดสองฐานนี้จึงเป็นฟ้องที่เคลือบคลุม แต่สำหรับจำเลยที่ 1 โจทก์มิได้กล่าวหาว่ากระทำผิดฐานรับของโจรด้วย ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 ในความผิดฐานฉ้อโกงจึงไม่เคลือบคลุม
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า (ก) จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันลักใบอินวอยซ์ปลอมของโจทก์ไป หรือมิฉะนั้นจำเลยทั้งสองได้รับใบอินวอยซ์ที่ถูกลักมา แล้วร่วมกันกรอกรายการอันเป็นเท็จ และปลอมลายมือชื่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ผู้มีอำนาจอนุมัติเงินเชื่อในใบอินวอยซ์ปลอมดังกล่าว แล้ว (ข) จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันนำใบอินวอยซ์ปลอมนั้นไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัทสยามไซโลและอบพืช จำกัด เพื่อรับเอาปุ๋ยตามจำนวนในใบอินวอยซ์ปลอมไปรวมทั้งสิ้น 11,000 กระสอบ เป็นเงิน 913,000 บาท หรือมิฉะนั้น (ค) จำเลยที่ 2 ซึ่งรู้อยู่แล้วว่าปุ๋ย 11,000 กระสอบดังกล่าว เป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกงโจทก์ได้บังอาจรับปุ๋ยจำนวนดังกล่าวนั้น เพื่อค้ากำไร ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 84,264, 265, 268, 334, 335(11) 341, 352 และ 357
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์จำเลยแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ทุกข้อเคลือบคลุมพิพากษายกฟ้อง โดยไม่วินิจฉัยข้อเท็จจริง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันฉ้อโกงปุ๋ยของโจทก์จำนวน 11,000 กระสอบ ตามฟ้องข้อ (ข)และที่กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 รับของโจรปุ๋ยจำนวนดังกล่าวตามฟ้องข้อ (ค) เป็นฟ้องเคลือบคลุมดังศาลชั้นต้นวินิจฉัย แต่ฟ้องของโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจรใบอินวอยซ์และปลอมเอกสารใบอินวอยซ์ กับใช้เอกสารใบอินวอยซ์ปลอม ไม่เคลือบคลุมพิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ย้อนสำนวนไปให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ในฐานความผิดตามคำฟ้องของโจทก์ที่ไม่เคลือบคลุม
โจทก์ฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานฉ้อโกงหรือฐานรับของโจร ไม่เคลือบคลุม
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ความผิดฐานฉ้อโกงและความผิดฐานรับของโจรมีองค์ประกอบแตกต่างกันมาก ความผิดฐานฉ้อโกงเป็นเรื่องผู้กระทำผิดได้ทรัพย์ด้วยการหลอกลวง แต่ความผิดฐานรับของโจร ทรัพย์ที่ได้มาด้วยการฉ้อโกงนั้น ผู้รับของโจรไม่ได้ไปหลอกลวงด้วย การที่จะฟ้องรวมกันมาเพื่อให้ศาลวินิจฉัยไปตามข้อเท็จจริงแห่งคดีว่าเป็นความผิดฐานใด ดังเช่นคำฟ้องคดีนี้ ข้อ (ข) บรรยายว่าจำเลยที่ 2 ได้ปุ๋ยมาด้วยการนำใบอินวอยซ์ปลอมไปหลอกลวงเจ้าหน้าที่บริษัทสยามไซโลและอบพืช จำกัด แต่ฟ้องข้อ (ค) กลับว่า จำเลยที่ 2รับปุ๋ยรายเดียวกันนี้ไว้ โดยรู้อยู่แล้วว่าเป็นปุ๋ยที่ได้มาจากการฉ้อโกง ซึ่งแสดงว่าจำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปหลอกลวงด้วยจึงขัดแย้งกันจำเลยที่ 2 ไม่อาจเข้าใจได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 กระทำการอย่างใดแน่ ย่อมต่อสู้คดีไม่ถูก ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 2 เฉพาะความผิดสองฐานนี้จึงเคลือบคลุมดังที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัย
แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 1 นั้น โจทก์มิได้กล่าวหาว่าจำเลยที่ 1กระทำผิดฐานรับของโจร ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ 1 จึงไม่เคลือบคลุม
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ เป็นว่า ให้ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษาใหม่ในข้อหาว่าจำเลยที่ 1 กระทำการฉ้อโกงตามฟ้องข้อ (ข) ด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์