แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 3 ต่างลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่องค์การเชื้อเพลิงจัดพิมพ์ขึ้น สั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงจ่ายเงินแก่องค์การเชื้อเพลิง และจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัท ม. สั่งให้ธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงจ่ายเงินแก่บริษัท ม. และจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงได้ลงลายมือชื่อและประทับตรารับรองตั๋วแลกเงินทั้งหมดนี้ แล้วจำเลยอื่นนำตั๋วแลกเงินนี้ไปใช้ ดังนี้ การที่จำเลยที่ 2 ที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินโดยลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเองจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่นหรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่น และลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำในฐานะผู้จัดการธนาคารโจทก์สาขาพระโขนงตามอำนาจซึ่งได้รับมอบหมายจากโจทก์ ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคาร แม้จะผิดระเบียบภายในเพราะจำนวนเงินที่รับรองนั้นเกินอำนาจและไม่มีสมุห์บัญชีหรือผู้รักษาเงินลงลายมือชื่อร่วมด้วย ก็หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองไปนั้นเป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่ การกระทำของจำเลยทั้งหมดไม่มีมูลความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 264,265,266,268
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขเพิ่มเติมฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทน้ำมันเทพมงคล จำกัด ซึ่งเป็นตัวแทนค้าต่างน้ำมันขององค์การเชื้อเพลิง และเป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด อันเป็นตัวแทนค้าต่างน้ำมันของบริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด จำเลยที่ 4 เป็นผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง จำเลยที่ 5 เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัทเกษมสมุทร จำกัดตัวแทนค้าต่างน้ำมันขององค์การเชื้อเพลิง จำเลยทั้ง 5 ได้ร่วมกันทำผิดกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ
1. (ก) เมื่อระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2512 ถึงวันที่ 20 พฤษภษคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1, 2, 3 และ 4 ได้ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงินโดยจำเลยที่ 1 ขอรับแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินจากองค์การเชื้อเพลิง แล้วให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินรวม 29 ฉบับ ตามบัญชีหมายเลข 3 ท้ายฟ้องสั่งจ่ายเงินให้องค์การเชื้อเพลิงเป็นเงินทั้งสิ้น 11,899,880 บาท
(ข) เมื่อระหว่างวันที่ 1 พฤษภาคม 2512 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยทั้งห้าได้ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงินโดยจำเลยที่ 5 ขอรับแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินจากองค์การเชื้อเพลิงแล้วให้จำเลยที่ 3 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินในแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินรวม 6 ฉบับตามบัญชีหมายเลข 4 ท้ายฟ้อง สั่งจ่ายเงินให้องค์การเชื้อเพลิงเป็นเงินทั้งสิ้น 2,890,000 บาท
(ค) เมื่อระหว่างวันที่ 1 เมษายน 2512 ถึงวันที่ 15 พฤษภาคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยที่ 1, 2, 3 และ 4 ร่วมกันปลอมตั๋วแลกเงินโดยใช้แบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินของบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัดแล้วให้จำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อสั่งจ่ายเงินรวม 14 ฉบับ ตามบัญชีหมายเลข 5 ท้ายฟ้อง สั่งจ่ายเงินให้บริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด เป็นเงินทั้งสิ้น 5,110,900 บาท จำเลยทั้งห้ามีเจตนาทุจริตร่วมกันให้จำเลยที่ 4 ลงลายมือชื่อในตำแหน่งผู้จัดการธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนงและประทับตราธนาคารในตั๋วแลกเงินทั้ง 49 ฉบับ รับรองการสั่งจ่ายในตั๋วแลกเงินดังกล่าว โดยจำเลยที่ 4 ไม่มีอำนาจ โดยเจตนาจะให้องค์การเชื้อเพลิงและบุคคลทั่วไปหลงเชื่อว่าเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงซึ่งธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง รับรองการสั่งจ่ายเงินโดยถูกต้องสมบูรณ์แล้ว
2. เมื่อระหว่างวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2512 ถึงวันที่ 20 พฤษภาคม 2512 เวลากลางวัน จำเลยทั้งห้าร่วมกันนำตั๋วแลกเงินปลอม 49 ฉบับดังกล่าวไปใช้ คือ จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้ใช้ตั๋วแลกเงิน 29 ฉบับตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข 3 ซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิงรวมเป็นเงิน 11,899,880 บาท จำเลยที่ 3 และที่ 5ใช้ตั๋วแลกเงินปลอม 6 ฉบับ ตามบัญชีหมายเลข 4 ท้ายฟ้องซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิงรวมเป็นเงิน 2,890,000 บาทจำเลยที่ 1 นำตั๋วแลกเงินปลอม 14 ฉบับตามบัญชีหมายเลข 5 ท้ายฟ้อง รวมเป็นเงิน 5,110,900 บาท ไปวางเป็นหลักทรัพย์ไว้กับธนาคารไทยทนุ จำกัดเพื่อให้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 ในการซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิงและจากบริษัทเชลล์ (ประเทศไทย) จำกัด
เมื่อตั๋วแลกเงินปลอม 35 ฉบับ ตามบัญชีท้ายฟ้องหมายเลข 3, 4 ถึงกำหนด องค์การเชื้อเพลิงได้เรียกร้องให้โจทก์ชำระเงินในฐานะสาขาของโจทก์เป็นผู้รับรอง ส่วนตั๋วแลกเงินปลอมอีก 14 ฉบับ จำเลยที่ 1 ในนามบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด ได้นำไปใช้ฟ้องโจทก์ต่อศาลแพ่งเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2512 ให้โจทก์ชำระเงินตามตั๋วแลกเงินนั้นปรากฏตามสำนวนคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 6068/2512
การกระทำของจำเลยทั้งห้าเป็นการเสียหายแก่โจทก์ องค์การเชื้อเพลิงและบุคคลที่เกี่ยวข้อง เหตุทั้งนี้เกิดที่องค์การเชื้อเพลิง และศาลแพ่ง ตำบลพระบรมมหาราชวัง อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร บริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด บริษัทน้ำมันเทพมงคล จำกัด ธนาคารไทยทนุ จำกัด ตำบลวังบูรพาภิรมย์ อำเภอพระนคร จังหวัดพระนคร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง อำเภอพระโขนง จังหวัดพระนคร บ้านเลขที่ 148 ถนนลายลวด บ้านเลขที่ 200/1 ตำบลบางเมือง และบริษัทเกษมสมุทร จำกัด อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264, 265, 266, 268, 83, 84, และ 86
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว วินิจฉัยว่าตั๋วแลกเงินที่โจทก์ฟ้องเป็นแบบพิมพ์ตั๋วแลกเงินที่แท้จริง ลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและผู้รับรองก็เป็นลายมืออันแท้จริง การที่จำเลยที่ 4 ผู้รับรองจะทำการนอกเหนืออำนาจที่ได้รับมอบหมาย แม้หากจะได้ร่วมกับบุคคลอื่นโดยไม่สุจริตทำให้โจทก์เสียหายจริง ก็เป็นกรณีที่จะต้องพิจารณาในเรื่องความรับผิดหรือความผิดฐานอื่นซึ่งโจทก์มิได้ฟ้อง เมื่อไม่เป็นเอกสารปลอม การใช้ก็ย่อมไม่เป็นความผิด พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์ขอแถลงการณ์ด้วยวาจาเห็นว่าไม่จำเป็น ให้งด ทางไต่สวนได้ความตามที่โจทก์นำสืบว่าจำเลยที่ 2 ลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่ายตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นแบบพิมพ์ที่องค์การเชื้อเพลิงจัดพิมพ์ขึ้น สั่งให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนงจ่ายเงินแก่องค์การเชื้อเพลิงรวม 29 ฉบับ ตามเอกสารหมาย จ.อ.3 ถึง จ.อ.31 เป็นเงินทั้งสิ้น 11,899,880 บาท และลงลายมือชื่อสั่งจ่ายตั๋วแลกเงินตามแบบพิมพ์ของบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด สั่งให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัดสาขาพระโขนง จ่ายเงินแก่บริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด รวม 14 ฉบับ(เอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.15) เป็นเงินทั้งสิ้น 5,110,900 บาทและจำเลยที่ 3 ออกตั๋วแลกเงินซึ่งเป็นแบบพิมพ์ขององค์การเชื้อเพลิงโดยลงลายมือชื่อเป็นผู้สั่งจ่าย สั่งให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง จ่ายเงินแก่องค์การเชื้อเพลิง รวม 6 ฉบับ เป็นเงินทั้งสิ้น 2,890,000 บาท โดยจำเลยที่ 4 ในฐานะผู้จัดการธนาคารโจทก์ สาขาพระโขนง ได้ลงลายมือชื่อและประทับตรารับรองตั๋วแลกเงินทั้ง 49 ฉบับนี้ อันเป็นการผิดระเบียบของธนาคารโจทก์ ซึ่งกำหนดให้รับรองได้ไม่เกิน 50,000 บาท ต่อมาจำเลยที่ 1 นำตั๋วแลกเงิน29 ฉบับ (หมาย จ.อ.3 ถึง จ.อ.31) ไปซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิงและนำตั๋วแลกเงิน 14 ฉบับ (หมาย จ.2 ถึง จ.15) ไป วางเป็นหลักประกันกับธนาคารไทยทนุ จำกัด จำเลยที่ 5 นำตั๋วแลกเงิน 4 ฉบับ (หมาย จ.อ.32 ถึง จ.อ.35) ไปซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิงส่วนตั๋วแลกเงินอีก 2 ฉบับ (หมาย จ.อ.36 ถึง 37) นางสำราญ อิทธิธำรงนำไปซื้อน้ำมันจากองค์การเชื้อเพลิง เมื่อตั๋วแลกเงินถึงกำหนดใช้เงิน องค์การเชื้อเพลิงและจำเลยที่ 1 ในนามบริษัทมงคลสวัสดิ์ จำกัด ได้เรียกเก็บเงินจากโจทก์ โจทก์ได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับองค์การเชื้อเพลิง แต่ปฏิเสธความรับผิดกับจำเลยที่ 1
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า จำเลยที่ 2 และที่ 3 ต่างออกตั๋วแลกเงินที่โจทก์ฟ้อง โดยลงลายมือชื่อตนเป็นผู้สั่งจ่ายในนามของตนเองจึงเป็นตั๋วแลกเงินอันแท้จริงของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่ใช่ทำปลอมในนามของบุคคลอื่น หรือเจตนาจะให้เข้าใจว่าเป็นตั๋วแลกเงินของบุคคลอื่น ลายมือชื่อผู้รับรองตั๋วแลกเงินก็เป็นลายมือชื่ออันแท้จริงของจำเลยที่ 4 ซึ่งกระทำไปในฐานะผู้จัดการธนาคารศรีอยุธยา จำกัด สาขาพระโขนง ตามอำนาจซึ่งได้รับมอบหมายจากโจทก์ ตราที่ประทับก็เป็นตราที่แท้จริงของธนาคารดังกล่าว การที่มีระเบียบให้จำเลยที่ 4 มีอำนาจรับรองตั๋วแลกเงินได้ไม่เกิน 50,000 บาท เกินกว่านี้ต้องได้รับอนุญาตจากสำนักงานใหญ่ก็ดีและการรับรองต้องมีสมุห์บัญชีหรือผู้รักษาเงินลงลายมือชื่อร่วมกันด้วยก็ดีก็เป็นเพียงระเบียบภายใน หาทำให้ตั๋วแลกเงินซึ่งจำเลยที่ 4 รับรองดังกล่าวเป็นตั๋วแลกเงินปลอมขึ้นมาไม่ การกระทำของจำเลยจึงไม่มีมูลความผิดตามข้อกล่าวหา
พิพากษายืน