แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยถูกขว้างหลังคาบ้านจึงไปแจ้งความตำรวจ กลางคืนตำรวจกับพวกเข้าไปดูคนร้ายในบริเวณบ้านจำเลย โดยมิได้แจ้งให้จำเลยทราบ. และคืนนั้นก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีก จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้าน และอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลย โดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลย จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น กระสุนปืนถูกพวกที่ไปกับตำรวจตาย เห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าตำรวจกับพวกเป็นคนร้าย เป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ และขอให้นับโทษต่อกับคดีอาญาดำที่๖๖๓/๒๕๐๘ ของศาลจังหวัดระยอง
จำเลยให้การว่าจำเลยได้ยินเสียงปืนเข้าใจว่าคนลอบยิงจึงยิงสวนไป ๑ นัด ปรากฏว่ามีคนถูกปืนตาย ไม่ทราบว่าถูกกระสุนปืนของใคร และรับว่าเป็นจำเลยคนเดียวกับในคดีอาญาดำ ๖๖๓/๒๕๐๘ จริง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า จำเลยยิงกลุ่มคนที่ถือไฟฉายเข้ามาในเขตจริงโดยไม่ร้องถามเสียก่อน ไม่ใช่จำเลยสำคัญผิดในข้อเท็จจริง และจะอ้างว่าป้องกันไม่ได้เพราะขณะนั้นไม่มีภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายกระทำต่อจำเลยแต่อย่างใด จำเลยยิงปืนเข้าใส่กลุ่มคน การกระทำของจำเลยจึงมีเจตนาฆ่า พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑๕ ปี คำให้การจำเลยชั้นสอบสวนมีประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๗ ปี ๖ เดือน ของกลางริบไม่ปรากฏว่าคดีอาญาดำที่ ๖๖๓/๒๕๐๘ ได้พิพากษาแล้วจึงไม่นับโทษต่อให้
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า มีคนเข้าไปขว้างหลังคาบ้านจำเลย จำเลยชอบที่จะป้องกันภยันตรายได้ แต่การที่จำเลยยิงผู้ตายโดยเข้าใจว่าเป็นพวกคนร้ายจะเข้ามาขว้างปาหลังคาบ้านจำเลยนั้นเป็นการขาดความรอบคอบ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันสิทธิเกินกว่ากรณีจำต้องกระทำตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๙ พิพากษาแก้ว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘ ประกอบด้วยมาตรา ๖๒ วรรคแรกและมาตรา ๖๙ จำคุกจำเลย ๔ ปี ลดโทษตามมาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลย ๒ ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา ว่าจำเลยยิงปืนเข้าไปในกลุ่มคนโดยมีเจตนาฆ่าจึงจะอ้างเหตุว่าสำคัญผิดหรืออ้างเหตุป้องกันไม่ได้
ศาลฎีกาเห็นว่า มีคนร้ายขว้างหลังคาบ้านจำเลย จนจำเลยต้องไปแจ้งความต่อตำรวจ คืนเกิดเหตุก็มีคนขว้างหลังคาบ้านจำเลยอีกเมื่อร้อยตำรวจตรีผจญกับพวกหลายคนเข้าไปภายในบริเวณสวนหลังบ้านจำเลยก็มิได้ร้องบอกให้จำเลยทราบ ขณะเกิดเหตุเป็นเวลากลางคืนเกือบ ๒๒ นาฬิกาอันเป็นเวลาค่อนข้างดึกมากแล้วสำหรับชนบท จึงเป็นเหตุให้จำเลยเข้าใจผิดคิดไปได้ว่าอาจเป็นคนร้ายที่ขว้างบ้านและอาจเข้ามาประพฤติการอันมิชอบต่อจำเลยโดยขว้างหลังคาบ้านก่อนแล้วบุกรุกเข้าจะทำร้ายจำเลยก็เป็นได้ จำเลยจึงได้ใช้ปืนยิงและร้องบอกกล่าวว่าขโมยเข้าปล้น เมื่อจำเลยทราบว่ากระสุนปืนถูกนายเทียมจำเลยก็ร้องไห้บ่นเสียใจที่ยิงเพื่อน จึงเห็นได้ว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงเพราะสำคัญผิดคิดว่าร้อยตำรวจตรีผจญกับพวกเป็นคนร้าย เมื่อจำเลยใช้อาวุธปืนยิงในกรณีที่เกิดขึ้นดังกล่าวแล้วจึงเป็นการกระทำเพื่อป้องกันสิทธิของตนให้พ้นภยันตรายที่ใกล้จะถึง ถ้าจำเลยเพียงแต่จะยิงขู่ก็น่าจะเป็นการเพียงพอที่จะทำให้คนที่เข้ามาเกรงกลัวและหลบหนีไป จำเลยกลับยิงเข้าใส่กลุ่มคนที่เดินเข้ามา การกระทำของจำเลยจึงเกินสมควรแก่เหตุ
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์.