แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานร่วมกันลักเรือ (สองลำ)ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83 ข้อเท็จจริงได้ความว่าจำเลยเก็บเรือซึ่งหลุดลอยอยู่ในแม่น้ำแล้วนำไปซุกซ่อนเบียดบังเอาเป็นของตน อันเป็นความผิดฐานยักยอกทรัพย์สินหายจึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้บังอาจร่วมกันลักเรือบดของนายเฮง บัวทองหนึ่งลำ กับเรือบดของนายบุญรอด แก่นจันทร์หอม อีกหนึ่งลำ ซึ่งอยู่ในความครอบครองดูแลของนายเฮง บัวทอง ไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335, 83
จำเลยให้การปฏิเสธ
นายเฮง บัวทอง ขอเข้าเป็นโจทก์ร่วม ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยได้กระทำผิดตามฟ้อง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ข้อเท็จจริงน่าจะเป็นเรื่องจำเลยเก็บเรือหลุดลอยมาโดยไม่ทราบว่าเป็นของใคร แล้วเบียดบังเอาไว้เป็นประโยชน์ตนโดยทุจริต ซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์
พนักงานอัยการโจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้อง
ศาลฎีกาเห็นว่า โจทก์ไม่ได้มีพยานรู้เห็นขณะที่เรือของกลางได้หายไปจากที่ที่นายเฮงโจทก์ร่วมได้จอดไว้ คดีฟังได้แต่เพียงว่าจำเลยทั้งสองเป็นผู้พาเรือของกลางซึ่งหลุดลอยอยู่ไปซุกซ่อนไว้เพื่อนำไปขายต่อ กรณีอาจจะเป็นโดยคนร้ายลักไปก็ได้ หรือเรือนั้นอาจจะหลุดลอยไปเองก็ได้ เพราะอาจเป็นไปได้ว่านายเฮงโจทก์ร่วมอาจจะใส่กุญแจโซ่ล่ามเรือไว้ไม่เรียบร้อยจึงหลุดลอยไปเองก็ได้ เรือซึ่งหลุดลอยอยู่เป็นทรัพย์สินหายซึ่งจำเลยเก็บได้แล้วเบียดบังเอาเรือนั้นไว้เป็นของตน จึงเป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในทางพิจารณา ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะให้ลงโทษ ฉะนั้น เมื่อข้อเท็จจริงที่ได้ความปรากฏในทางพิจารณา ไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์จะขอให้ลงโทษแล้ว เช่นนี้ ศาลย่อมจะลงโทษจำเลยไม่เกินกว่าคำขอของโจทก์มิได้ศาลอุทธรณ์พิพากษามาชอบแล้ว
พิพากษายืน