คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2985/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเลิกจ้างในกรณีลูกจ้างป่วยไม่อาจปฏิบัติงานให้นายจ้างได้นั้น ไม่เข้าข้อยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานฯ ข้อ 47 อันนายจ้างจะเลิกจ้างได้โดยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย เมื่อลูกจ้างฟ้องเรียกค่าชดเชยตามอัตราค่าจ้างสุดท้ายซึ่งต่ำกว่าอัตราตามกฎหมายมาด้วยความสมัครใจ มิได้พลั้งพลาดผิดหลง จึงยังไม่สมควรที่ศาลจะอ้างความเป็นธรรมนำค่าจ้างที่ลูกจ้างมิได้รับจริงมาเป็นฐานคำนวณให้ลูกจ้างได้รับค่าชดเชยเกินคำขอ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ เงินเดือนสุดท้าย 1,200 บาทค่าครองชีพ 600 บาท เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2527 จำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์ไม่มีความผิดและไม่จ่ายค่าชดเชย ขอศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ 10,800 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ เป็นความผิดของโจทก์ที่ไม่รักษาสุขภาพให้แข็งแรงจนเกิดความเจ็บป่วยไม่สามารถทำงานให้จำเลยได้จำเลยจำต้องเลิกจ้างโจทก์เพื่อจ้างคนอื่นต่อไป เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ได้รับบำเหน็จมากกว่าค่าชดเชยที่โจทก์ฟ้อง โจทก์ไม่เคยทวงถามค่าชดเชยจากจำเลยขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชยและเพื่อความเป็นธรรมให้คิดค่าชดเชยตามอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่ทางการกำหนด พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ 11,880 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า นายจ้างจะไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่ลูกจ้างประจำซึ่งเลิกจ้างก็เฉพาะการเลิกจ้างในกรณีหนึ่งกรณีใด ดังระบุไว้ในประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานฯ การเลิกจ้างในกรณีลูกจ้างป่วยไม่อาจปฏิบัติงานให้นายจ้างได้ หาเป็นกรณีหนึ่งกรณีใดในข้อ 47 ดังกล่าวไม่

แม้ศาลแรงงานเห็นสมควรเพื่อความเป็นธรรม ย่อมมีอำนาจที่จะพิพากษาหรือสั่งเกินคำขอบังคับได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงานฯ มาตรา 52 ก็ตาม แต่คดีนี้ได้ความว่าโจทก์ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายเดือนละ 1,800 บาท โจทก์ไม่เคยกล่าวอ้างว่าค่าจ้างที่ตนได้รับต่ำกว่าอัตราตามกฎหมายเมื่อโจทก์ฟ้องเรียกค่าชดเชยเป็นคดีนี้ก็ถือเอาจำนวนค่าจ้างดังกล่าวเป็นฐานในการคำนวณมาโดยสมัครใจ มิได้พลังพลาดผิดหลง จึงยังไม่สมควรเพียงพอที่ศาลจะยกขึ้นอ้างว่าค่าจ้างอัตราสุดท้ายที่โจทก์รับนั้นไม่ถูกต้อง และเพื่อความเป็นธรรมให้นำค่าจ้างที่โจทก์มิได้รับจริงมาคำนวณให้โจทก์ได้รับค่าชดเชยเกินคำขอศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าค่าจ้างที่โจทก์ได้รับคิดเป็นวันละ 60 บาท ต่ำกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำซึ่งทางการกำหนไว้สำหรับเขตกรุงเทพมหานคร คือวันละ 66 บาทเพื่อความเป็นธรรมให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์คิดจากอัตราสุดท้ายวันละ 66 บาทเป็นเงิน 11,880 บาท ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ 10,800 บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share