แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นลงโทษจำคุกจำเลย 1 ปี และให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาเกี่ยวกับผู้เสียหายบางคนและแก้จำนวนเงินที่ให้จำเลยใช้คืน แต่ข้อหาเกี่ยวกับผู้เสียหายที่ศาลอุทธรณ์ยกฟ้อง เป็นกรรมเดียวกับข้อหาของผู้เสียหายอื่น ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย และศาลอุทธรณ์ ยังคง พิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเท่าเดิมจึงเป็นการแก้ไข เล็กน้อย เมื่อไม่มีคำอนุญาตของผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาหรือลงชื่อ ในคำพิพากษาให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงจำเลยจะฎีกาใน ปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกซึ่งยังหลบหนีได้ร่วมกันฉ้อโกงผู้เสียหายหลายคน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๑, ๘๓ ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ยกฟ้องสำหรับข้อหาในความผิดเกี่ยวกับผู้เสียหายบางคน และลดจำนวนเงินที่ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลย๑ ปี ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหาย แม้ศาลอุทธรณ์จะพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นในข้อหาเกี่ยวกับผู้เสียหายบางคนและแก้ในเรื่องจำนวนเงินที่ให้จำเลยใช้คืนลดลงก็ดี ข้อหาเกี่ยวกับผู้เสียหายอื่นที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลย และศาลอุทธรณ์ยังคังพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยเท่าเดิมจึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย คดีนี้ไม่มีคำอนุญาตของผู้พิพากษาซึ่งนั่งพิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษาให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ฉะนั้น จำเลยจะฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงไม่ได้ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ จำเลยฎีกาโต้เถียงดุลพินิจในการวินิจฉัยชั่งน้ำหนักพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงที่ต้องห้ามมิให้ฎีกา
พิพากษายกฎีกาจำเลย