คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2280/2559

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พ.ร.บ.จัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศฯ มาตรา 26 ประกอบ ป.วิ.พ. มาตรา 292 (2) เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาเหตุผลตามรูปคดีว่ามีเหตุสมควรที่จะงดการบังคับคดีไว้หรือไม่ คำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 เป็นคำขอให้ศาลสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ เพื่อบังคับตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 25 ซึ่งมิได้บัญญัติว่าศาลต้องออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอโดยต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้นหากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอที่จะวินิจฉัยคำขอของจำเลยที่ 2 แล้วก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอ การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้งดการไต่สวนและให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 นั้นเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยที่ 2 ชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 10,700,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย กับให้จำเลยที่ 2 ชดใช้ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลแทนโจทก์ จำเลยที่ 2 ไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษาดังกล่าว โจทก์ขอให้บังคับคดี เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 2 เพื่อนำออกขายทอดตลาดจำนวน 5 แปลง ได้แก่ (1) ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 14965 ตำบลเชียงรากน้อย (คลองซอยที่ 1 ฝั่งตก) อำเภอบางปะอิน (พระราชวัง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (2) ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 48594 ตำบลเชียงรากน้อย (คลองซอยที่ 1 ฝั่งตก) อำเภอบางปะอิน (พระราชวัง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (3) ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 48598 ตำบลเชียงรากน้อย (คลองซอยที่ 1 ฝั่งตก) อำเภอบางปะอิน (พระราชวัง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา (4) ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 48599 ตำบลเชียงรากน้อย (คลองซอยที่ 1 ฝั่งตก) อำเภอบางปะอิน (พระราชวัง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และ (5) ที่ดินตามโฉนดที่ดินเลขที่ 48593 ตำบลเชียงรากน้อย (คลองซอยที่ 1 ฝั่งตก) อำเภอบางปะอิน (พระราชวัง) จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันที่ 15 พฤษภาคม 2558 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องขอให้งดการบังคับคดีไว้ก่อน โดยให้โจทก์ติดตามจำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 มาให้ความยินยอม และไม่คัดค้านการงดการขายทอดตลาดตามคำร้องฉบับลงวันที่ 4 เมษายน 2556 ให้โจทก์แถลงความคืบหน้าการเจรจาระหว่างฝ่ายจำเลยกับโจทก์ในประเทศญี่ปุ่นแก่เจ้าพนักงานบังคับคดีและศาลเพื่อทราบ และงดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในวันที่ 21 พฤษภาคม 2558 และจำนวนอีก 5 นัดที่เหลือจนกว่าโจทก์จะได้ปฏิบัติตามที่ร้องขอไว้ต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีต่อไป
โจทก์ยื่นคำคัดค้านขอให้ยกคำร้อง
ในวันนัดไต่สวน จำเลยที่ 2 มอบอำนาจให้นายบัณฑูร ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่า จำเลยที่ 2 ไม่สามารถมาศาลได้เพราะป่วยเจ็บ โจทก์แถลงคัดค้านการขอเลื่อนคดี ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้ว เห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องไต่สวนพยาน จึงให้งดการไต่สวนและให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 2 เสีย และมีคำสั่งในคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 ว่า กรณีตามคำร้องไม่มีเหตุให้งดการบังคับคดี ให้ยกคำร้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
วันที่ 18 สิงหาคม 2558 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องว่า คำสั่งของศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีและงดไต่สวนคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำสั่งยกคำร้องดังกล่าวเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ขอให้แก้ไขโดยมีคำสั่งอนุญาตให้จำเลยที่ 2 เลื่อนคดี และไต่สวนคำร้องของดการบังคับคดีฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 ต่อไป ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางพิจารณาแล้วมีคำสั่งว่า การออกคำสั่งตามคำขอให้งดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 หรือมาตรา 293 นั้น ไม่มีกฎหมายบัญญัติให้ศาลจะต้องทำการไต่สวนเสียก่อน เมื่อศาลเห็นว่ากรณีตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ไม่มีเหตุให้งดการบังคับคดี ศาลจะมีคำสั่งยกคำร้องโดยให้งดการไต่สวนเสียก็ได้ หาใช่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ไม่ จึงไม่มีเหตุให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาของศาลแต่อย่างใด ให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ว่า การที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสั่งงดไต่สวนคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 และมีคำสั่งให้ยกคำร้องดังกล่าวเป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (2) เป็นกฎหมายที่ให้อำนาจศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่จะใช้ดุลพินิจพิจารณาเหตุผลตามรูปคดีว่ามีเหตุสมควรที่จะงดการบังคับคดีไว้หรือไม่ คำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 เป็นคำขอให้ศาลสั่งกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ เพื่อบังคับตามคำพิพากษาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 25 ซึ่งมิได้บัญญัติว่าศาลต้องออกคำสั่งอนุญาตตามคำขอโดยต้องทำการไต่สวนก่อน ดังนั้น หากศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางเห็นว่าข้อเท็จจริงแห่งคดีเพียงพอที่จะวินิจฉัยคำขอของจำเลยที่ 2 ได้แล้วก็ไม่จำต้องทำการไต่สวนคำขอได้ ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศและวิธีพิจารณาคดีทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศ พ.ศ.2539 มาตรา 26 ประกอบประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 (4) คดีได้ความตามคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 15 พฤษภาคม 2558 และคำคัดค้านของโจทก์ว่า เดิมเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในปี 2556 แต่โจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ 4 เมษายน 2556 ขอให้งดการขายทอดตลาดตามประกาศดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราวเนื่องจากฝ่ายจำเลยอยู่ระหว่างการเจรจากับโจทก์เพื่อชำระหนี้กันอยู่ที่ประเทศญี่ปุ่น หากสามารถตกลงกันได้ อาจมีการถอนการบังคับคดี และเมื่อผลการเจรจาคืบหน้าเป็นเช่นใดแล้วผู้แทนโจทก์จะแถลงให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบต่อไป ต่อมาโจทก์ได้แจ้งให้เจ้าพนักงานบังคับคดีทราบว่าการเจรจาระหว่างโจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่สามารถตกลงกันได้ เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้ประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ตามประกาศขายทอดตลาดลงวันที่ 23 มีนาคม 2558 ดังนี้ตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 4 เมษายน 2556 เป็นการขอให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้ภายในเงื่อนไขอย่างใดอย่างหนึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292 (3) คือภายในเงื่อนไขว่าโจทก์กับจำเลยที่ 2 จะทำการเจรจาตกลงกันเพื่อชำระหนี้ หากตกลงกันได้ โจทก์อาจถอนการบังคับคดี ต่อมาการที่โจทก์แจ้งต่อเจ้าพนักงานบังคับคดีว่าโจทก์และจำเลยที่ 2 ไม่สามารถตกลงกันได้ จึงถือว่าเงื่อนไขที่ให้เจ้าพนักงานบังคับคดีงดการบังคับคดีไว้นั้นสิ้นสุดแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงชอบที่จะประกาศขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ใหม่ได้ และในวันนัดไต่สวนคำร้องของดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางสอบถามทนายโจทก์แล้ว ทนายโจทก์แถลงว่า โจทก์ยังคงประสงค์ที่จะดำเนินการบังคับคดีต่อไป เมื่อพิจารณาคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 แล้ว ที่จำเลยที่ 2 อ้างว่า ในการของดการขายทอดตลาดตามคำร้องของโจทก์ลงวันที่ 4 เมษายน 2556 โจทก์ยังไม่ได้แจ้งให้จำเลยที่ 1 ที่ 3 และที่ 4 ทราบเพื่อมาให้ความยินยอมในการงดการขายทอดตลาด และโจทก์ไม่ได้นำผลการเจรจาเพื่อชำระหนี้ระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 มาแจ้งให้แก่ฝ่ายจำเลยทราบนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับเงื่อนไขในการที่โจทก์ขอให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์สินของจำเลยที่ 2 ในครั้งก่อนซึ่งสิ้นสุดลงแล้ว และที่จำเลยที่ 2 อ้างว่าได้นำความกราบบังคมทูลขอพระราชทานความเป็นธรรมจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องจากคำพิพากษาศาลฎีกาแตกต่างกับคำพิพากษาศาลฎีกาของประเทศญี่ปุ่นนั้นก็ไม่ใช่เหตุตามกฎหมายที่จะให้งดการบังคับคดี ข้ออ้างตามคำร้องของจำเลยที่ 2 ดังกล่าวไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะให้เจ้าพนักงานบังคับคดีต้องงดการบังคับคดีไว้ ดังนี้ข้อเท็จจริงแห่งคดีดังกล่าวมาเป็นการเพียงพอที่จะวินิจฉัยคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 ได้โดยไม่ต้องทำการไต่สวนโดยให้คู่ความนำพยานเข้าสืบอีกต่อไป ที่ศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางใช้ดุลพินิจมีคำสั่งให้งดไต่สวนและให้ยกคำร้องขอเลื่อนคดีของจำเลยที่ 2 แล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้งดการบังคับคดีของจำเลยที่ 2 นั้น เป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ชอบด้วยกฎหมายแล้ว ไม่เป็นการพิจารณาที่ผิดระเบียบแต่อย่างใด คำสั่งศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลางที่ยกคำร้องขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบจึงชอบแล้ว อุทธรณ์ของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ

Share