คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2483/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 เป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดินจำเลยที่ 4 ได้ขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถใช้ในราชการของจำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก บุคคลภายนอกที่มิใช่ลูกจ้างหรือข้าราชการของจำเลยที่ 4 แต่ได้มาหาจำเลยที่ 1 เพื่อปรึกษาเรื่องจัดงานสังสรรค์ แล้ว น. เกิดปวดท้องเนื่องจากมีประจำเดือน เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อชนกับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายพังยับเยิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของ จำเลยที่ 4 ไปส่ง น. กับพวก กลับบ้านนั้น เป็นเรื่องทำไปโดยความเอื้อเฟื้อส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง มิใช่เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่แต่อย่างใด จำเลยที่ 4 จึงไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นแก่โจทก์ด้วย
(วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ครั้งที่13/2527)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 4 ซึ่งเป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่การงานของจำเลยที่ 4 โดยประมาทเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายยับเยิน จำเลยที่ 2 เป็นหัวหน้าหน่วยงานของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นหัวหน้าศูนย์พัฒนาที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์เป็นผู้บังคับบัญชาของจำเลยที่ 1 และอยู่ในสังกัดกรมพัฒนาที่ดินจำเลยที่ 4 ขอให้จำเลยทั้งสี่ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์

จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธความรับผิดและต่อสู้ว่าเหตุเกิดเพราะความประมาทของคนขับรถคันที่โจทก์ประกันภัยไว้ ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม จำเลยที่ 1 มิได้ขับรถในขณะปฏิบัติหน้าที่ราชการของจำเลยที่ 4 จำเลยที่ 2 มิได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการละเมิดขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม แต่คดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 1 ประมาทเลินเล่อตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 ขับรถด้วยความประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้ชนกับรถยนต์ที่โจทก์รับประกันภัยไว้ จำเลยที่ 2 และที่ 3 เป็นข้าราชการกรมพัฒนาที่ดิน จำเลยที่ 4 ไม่ได้อยู่ฐานะตัวการตัวแทนของจำเลยที่ 1 จึงไม่มีเหตุที่จะให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมรับผิดในการละเมิดของจำเลยที่ 1 ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่าจำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ในขณะที่จำเลยที่ 1 ทำการตามหน้าที่ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 76 หรือไม่ ศาลฎีกาปรึกษาปัญหานี้โดยที่ประชุมใหญ่แล้วเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้จากพยานจำเลยว่านางสาวนาตยากับพวก เป็นบุคคลภายนอกมิใช่ลูกจ้างหรือข้าราชการของจำเลยที่ 4 ได้มาหาจำเลยที่ 1 ที่ศูนย์พัฒนาที่ดินจังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อปรึกษาเรื่องจัดงานสังสรรค์ แล้วนางสาวนาตยาเกิดปวดท้องเนื่องจากมีประจำเดือน จำเลยที่ 1 จึงขับรถยนต์ซึ่งเป็นรถใช้ในราชการของจำเเลยที่ 4 และตามปกติอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 2 แต่วันนั้นจำเลยที่ 2 ลาราชการ รถดังกล่าวจึงอยู่ในความดูแลของจำเลยที่ 1 ไปส่งนางสาวนาตยา กับพวกกลับบ้านเมื่อมาถึงที่เกิดเหตุก็เกิดชนกับรถยนต์เก๋งวอลโว่ที่โจทก์รับประกันภัยไว้เสียหายพังยับเยิน ดังนี้ การที่จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ของจำเลยที่ 4 ไปส่งนางสาวนาตยา กับพวกกลับบ้านนั้น เป็นเรื่องทำไปโดยความเอื้อเฟื้อส่วนตัวของจำเลยที่ 1 เอง มิใช่เป็นการปฏิบัติราชการตามหน้าที่แต่อย่างใด จำเลยที่ 4 ไม่ต้องรับผิดในผลแห่งละเมิดที่จำเลยที่ 1 ก่อขึ้นแก่โจทก์ด้วย

พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ 1 รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามฟ้องแก่โจทก์พร้อมค่าฤชาธรรมเนียมค่าทนายความ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share