แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ตามกรมธรรม์ประกันภัยที่พิพาท ช่องผู้เอาประกันภัยนั้นได้ระบุชื่อบริษัท ค. และชื่อบุคคลอยู่ภายในวงเล็บต่อมา เป็นเหตุให้เกิดความสงสัย การที่ศาลอุทธรณ์แปลความถึงความมุ่งหมายที่เกิดขึ้นจริงแห่งข้อความที่ปรากฏว่าบุคคลที่อยู่ภายในวงเล็บเป็นผู้เอาประกันภัย จึงเป็นเพียงเหตุผลในการแปลความตามอักษรที่ปรากฏนั้นหาได้มีการเพิ่มเติมแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความใด ๆ ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 169,764 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ในต้นเงิน 160,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 130,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 ธันวาคม 2537 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยทั้งสองฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์รับฟังข้อเท็จจริงว่า นายวิเชียร ถาวรสถิตย์ เป็นผู้เอาประกันภัยรถยนต์หมายเลขทะเบียน 9ช-0200 กรุงเทพมหานคร เป็นการรับฟังข้อเท็จจริงที่ขัดต่อกฎหมายเพราะเป็นการฟังข้อความเพิ่มเติม เปลี่ยนแปลง แก้ไขข้อความที่ปรากฏในกรมธรรม์ประกันภัยนั้น เห็นว่าตามเอกสารหมาย จ.3 คือ กรมธรรม์ประกันภัยที่พิพาทช่องผู้เอาประกันภัยนั้นได้ระบุชื่อบริษัทเคมมิน จำกัด และชื่อนายวิเชียร ถาวรสถิตย์ อยู่ภายในวงเล็บต่อมา เป็นเหตุให้เกิดความสงสัย ซึ่งย่อมต้องแปลความถึงความมุ่งหมายที่เกิดจริงแห่งข้อความที่ปรากฏคำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์จึงเป็นเพียงเหตุผลในการแปลความตามตัวอักษรที่ปรากฏนั้นหาได้มีการเพิ่มเติมแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความใด ๆ ไม่ ฎีกาจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นต่อเนื่องอื่นอีก”
พิพากษายืน