คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4174/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงและโจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ แสดงว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตมาแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมายละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 420 และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้น

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นนิติบุคคลตามกฎหมายมีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522ในการที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นทั่วราชอาณาจักรตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 เมื่อ พ.ศ. 2522ได้มีประกาศพระราชกฤษฎีกากำหนดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั่วราชอาณาจักรไทย จำเลยซึ่งเป็นผู้มีสัญชาติไทยแต่มีบิดาเป็นคนต่างด้าว รู้อยู่แล้วว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเพราะขาดคุณสมบัติตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 มาตรา 19 ได้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราชฏรจังหวัดนครราชสีมา เขตเลือกตั้งที่ 4 โดยกรอกข้อความอันเป็นเท็จในใบสมัครและแจ้งแก่เจ้าพนักงานของโจทก์ว่า จำเลยจบการศึกษาชั้นเตรียมอุดมศึกษาปีที่ 2 หรือชั้นมัธยมปีที่ 8 ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการและนำใบแทนใบสุทธิอันเป็นเอกสารสิทธิและเอกสารราชการมาแสดง ซึ่งใบสุทธิดังกล่าวเป็นใบสุทธิที่จำเลยกับพวกทำปลอมขึ้น เป็นเหตุให้เจ้าพนักงานของโจทก์รับสมัครจำเลยไว้ เป็นผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนครราชสีมาเขตเลือกตั้งที่ 4 ต่อมาหลังจากที่จำเลยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้วความจริงจึงปรากฏว่าจำเลยขาดคุณสมบัติและคณะตุลาการรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้สมาชิกภาพในการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2521 โจทก์จึงจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่แทนตำแหน่งของจำเลยที่ว่างลงโจทก์เสียค่าใช้จ่ายรวม 1,496,000 บาท การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย ขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหายจำนวน 1,496,0000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ปลอมและใช้เอกสารสิทธิอันเป็นเอกสารราชการปลอมคณะตุลาการรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจวินิจฉัยให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งสิ้นสุดลง จำเลยยังเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอยู่ การที่โจทก์จัดให้มีการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นความประมาทเลินเล่อของโจทก์เองเงินที่โจทก์ใช้ในการเลือกตั้งเป็นเงินงบประมาณแผ่นดินมิใช่ของโจทก์ โจทก์จึงไม่ใช่ผู้เสียหายที่จะเรียกร้องเอาค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งจากจำเลย หากฟังว่าจำเลยปลอมและใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งก็ไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์เพราะตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ไม่ได้บัญญัติให้สิทธิแก่โจทก์เรียกร้องค่าเสียหายต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจัดการเลือกตั้งมีแต่บัญญัติกำหนดหน้าที่ให้จัดการเตรียมการเลือกตั้งเท่านั้น และการกระทำของจำเลยก็ไม่ใช่เป็นเหตุอันก่อให้เกิดผลโดยตรงที่ทำให้โจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแทนตำแหน่งที่ว่าง แต่เป็นผลที่ไม่สามารถคาดการณ์ล่วงหน้าได้ จำเลยจึงไม่ต้องรับผิด คดีของโจทก์ขาดอายุความค่าใช้จ่ายในการจัดการและดำเนินการเลือกตั้งไม่ควรเกิน 700,000 บาท ขอให้ยกฟ้อง

คู่ความขอให้ศาลวินิจฉัยแต่ปัญหาข้อกฎหมาย โดยต่างแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่า

(1) จำเลยได้ใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และจำเลยได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งต่อมาคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่าจำเลยสิ้นสมาชิกภาพจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทำให้โจทก์ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่จริงตามฟ้อง

(2) ค่าใช้จ่ายในการจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ของโจทก์มีเพียงใดนั้น คู่ความขอให้ถือเอาหลักฐานการจ่ายเงินซึ่งโจทก์จะอ้างส่งศาลใน 30 วัน

(3) จำเลยรับว่าในกรณีเรื่องนี้จำเลยได้ถูกฟ้องที่ศาลจังหวัดนครราชสีมาตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 1505/2523 ซึ่งศาลดังกล่าวพิพากษาลงโทษจำคุก 1 ปี และคดีถึงที่สุดแล้ว

ศาลชั้นต้น พิพากษาให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายให้โจทก์ทั้งสองเป็นเงินจำนวน1,230,243 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า มีปัญหามาสู่ศาลฎีกาว่า การกระทำของจำเลยเป็นการทำละเมิดต่อโจทก์ทั้งสอง และจำเลยต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่ในปัญหาแรกจำเลยฎีกาว่าโจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจโดยตรงที่จะจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แต่เป็นอำนาจของฝ่ายบริหาร โจทก์ทั้งสองมีแต่เพียงหน้าที่จัดการดำเนินการเพื่อให้ได้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยผิดกฎหมายต่อสิทธิของโจทก์ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยใช้ใบสุทธิปลอมสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้คณะตุลาการรัฐธรรมนูญต้องมีคำวินิจฉัยว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลง และโจทก์ทั้งสองต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ ย่อมแสดงชัดว่าจำเลยมีเจตนาไม่สุจริตแต่ต้น จงใจกระทำผิดกฎหมาย ละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ทั้งสองในอันที่จะไม่ให้จำเลยกระทำการใด ๆ ที่ฝ่าฝืนกฎหมายต่อโจทก์ทั้งสอง โดยใช้ใบสุทธิปลอมมาสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรต่อเจ้าหน้าที่ของโจทก์ ก่อให้เกิดความเสียหายแก่โจทก์ทั้งสองซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องเคารพต่อสิทธิดังกล่าวของโจทก์ทั้งสองการกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์ ตามความหมายของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 420 หาจำต้องมีบทบัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2522 ให้สิทธิโจทก์เรียกค่าสินไหมทดแทนจากผู้กระทำผิดได้โดยเฉพาะ จึงจะทำให้การกระทำของจำเลยเป็นละเมิดดังจำเลยฎีกาไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาอ้างว่าการกระทำของจำเลยไม่ได้ทำให้เสียหายแก่ทรัพย์สินของโจทก์ทั้งสอง เพราะประชาชนยินยอมให้ใช้จ่ายเงินงบประมาณแผ่นดินในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการทำละเมิดต่อโจทก์นั้น ไม่จำต้องวินิจฉัย เพราะไม่อาจทำให้การกระทำของจำเลยซึ่งเป็นการทำละเมิดอยู่แล้ว กลายเป็นไม่เป็นการทำละเมิดไปไม่

ในปัญหาประการหลังที่ว่า จำเลยจะต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นหรือไม่จำเลยฎีกาว่า โจทก์ทั้งสองไม่ใช่ผู้เสียหายโดยตรงเพราะเงินที่โจทก์ทั้งสองนำไปใช้จ่ายในการเลือกตั้งซ่อมแทนตำแหน่งจำเลยที่ว่างลงเป็นของประชาชน ไม่ใช่ของโจทก์ศาลฎีกาเห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นผลทำให้เกิดความเสียหายต่อโจทก์ทั้งสองโดยตรงที่ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรใหม่ อันเนื่องมาจากสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยสิ้นสุดลงตามคำวินิจฉัยของคณะตุลาการรัฐธรรมนูญ จำเลยหาชอบที่จะกล่าวอ้างว่าเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งดังกล่าวอันเป็นงบประมาณแผ่นดินเป็นเงินของประชาชนไม่ เพราะโจทก์ทั้งสองได้รับจัดสรรงบประมาณแผ่นดินก็เพื่อให้มีอำนาจหน้าที่ใช้จ่ายเพื่อประโยชน์ในการปฏฺบัติราชการแผ่นดินตามกฎเกณฑ์และระเบียบแบบแผนที่วางไว้ โจทก์ทั้งสองจึงต้องรับผิดชอบในงบประมาณเหล่านี้ไม่ให้เกิดความเสียหาย จำเลยไม่อาจจะบ่ายเบี่ยงเป็นอย่างอื่นไปได้ เพราะการใช้ใบสุทธิปลอมเพื่อสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลย จำเลยหาได้มุ่งประสงค์เพียงให้ได้สมัครรับเลือกตั้งเท่านั้นดังจำเลยฎีกาไม่ แต่เป็นที่เห็นได้ว่าจำเลยมุ่งประสงค์เพื่อจะให้ได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย หาไม่แล้วจำเลยคงจะไม่ใช้วิธีสมัครรับเลือกตั้งอันผิดต่อกฎหมายเช่นนั้น เมื่อผลของการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรซึ่งถูกคณะกรรมการตุลาการรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยชี้ขาดว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของจำเลยต้องสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราษอาณาจักรไทยปัจจุบันเป็นผลโดยตรงจากการทำละเมิดจากจำเลยเช่นนี้ ความเสียหายที่เกิดขึ้นจึงไม่ใช่ความเสียหายที่ไกลเกินกว่าเหตุ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share