คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีเดิมโจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาท จำเลยให้การว่าบ้านพิพาทเป็นของนาย ส. สัญญาซื้อขายบ้านพิพาทเป็นโมฆะและทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอมแล้ว ถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้น ไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248วรรคสอง
ในชั้นบังคับคดีมีประเด็นว่า ผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารจำเลย ให้ขับไล่ผู้ร้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องฎีกาว่าบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้องผู้ร้องจึงไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลพิพากษาตามยอมให้จำเลยออกจากบ้านพิพาทและให้จำเลยชำระค่าเช่าที่ค้างให้โจทก์ จำเลยทราบคำบังคับของศาลแล้วต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า จำเลยและบริวารไม่ยอมขนย้ายทรัพย์สินออกจากบานพิพาทขอให้บังคับจำเลยและบริวารขนย้ายทรัพย์สินออกจากบ้านพิพาท ศาลชั้นต้นหมายเรียกจำเลยมาสอบถาม จำเลยแถลงว่าได้ออกจากบ้านพิพาทแล้ว ผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพิพาทไม่ใช่บริวารจำเลย โจทก์แถลงว่าผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพิพาทคือนายสัน หวังมิน ผู้ร้องและบุตรเป็นบริวารจำเลยขอให้ศาลหมายเรียกมาสอบถามในวันนัดโจทก์แถลงว่าผู้ร้องเคยขายบ้านให้โจทก์ 1 หลัง แล้วย้ายไปอยู่บ้านพิพาทกับจำเลย ผู้ร้องแถลงว่าเคยขายบ้านไป 1 หลัง ให้นายมัด แล้วจึงปลูกบ้านพิพาทด้วยเงินตนเอง ปลูกสร้างเสร็จแล้วจำเลยมาอาศัยอยู่

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วเชื่อว่า บ้านพิพาทเป็นของจำเลย ผู้ร้องและบุตรอาศัยอยู่กับจำเลย เป็นบริวารของจำเลย มีคำสั่งให้ผู้ร้องและบุตรออกจากบ้านพิพาทภายในหนึ่งเดือน

ผู้ร้องอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้สืบเนื่องจากคดีเดิม ที่โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากบ้านพิพาทซึ่งในขณะยื่นคำฟ้องอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละห้าพันบาทและเรียกค่าเสียหาย จำเลยให้การว่า บ้านพิพาทเป็นของนายสัน หวังมินสัญญาซื้อขายบ้านพิพาทที่จำเลยทำกับโจทก์เป็นโมฆะ และทำขึ้นเพื่อค้ำประกันเงินกู้ต่อมาจำเลยประนีประนอมยอมความกับโจทก์ยอมออกจากบ้านพิพาทและชำระค่าเสียหาย ศาลชั้นต้นพิพากษาตามยอม คดีถึงที่สุด คดีดังกล่าวถือไม่ได้ว่าจำเลยได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ในอันที่จะได้รับยกเว้นไม่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสอง

คดีนี้ เป็นเรื่องในชั้นบังคับคดีซึ่งมีประเด็นว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยหรือไม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบริวารของจำเลยให้ขับไล่ผู้ร้องออกจากบ้านพิพาทศาลอุทธรณ์พิพากษายืน เป็นคดีเกี่ยวกับการบังคับวงศ์ญาติและบริวารของจำเลยที่ถูกฟ้องขับไล่ในกรณีอื่นอันอยู่บนอสังหาริมทรัพย์ เมื่อคู่ความเดิมในคดีฟ้องขับไล่ต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้ว ฎีกาของผู้ร้องจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงด้วย ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสาม ที่ผู้ร้องบ้านพิพาทเป็นของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่ใช่บริวารจำเลยเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

พิพากษายกฎีกาผู้ร้อง คืนค่าธรรมเนียมชั้นศาลฎีกาทั้งหมดแก่ผู้ร้องค่าทนายความให้เป็นพับ

Share