แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
หนังสือสัญญาจำนองมีข้อความระบุว่าให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินจำนวน 300,000 บาท แม้ต่อมาสัญญาจำนองจะถูกเพิกถอนก็ไม่กระทบกระเทือนถึงข้อความที่ระบุไว้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงินถือได้ว่าการกู้ยืมมีหลักฐานเป็นหนังสือ เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 92
ย่อยาว
เดิมเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้จากกองทรัพย์สินในฐานะเจ้าหนี้มีประกันตามมาตรา 96(3) แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทำความเห็นต่อศาลเห็นสมควรให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ ศาลชั้นต้นเห็นชอบด้วยกับความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับโดยให้เจ้าหนี้ได้รับชำระหนี้เต็มตามขอ ศาลฎีกาได้มีคำพิพากษาว่า กรณีนี้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ชอบที่จะยื่นคำร้องต่อศาล ขอให้สั่งเพิกถอนการจำนองรายนี้ตามมาตรา 115 เมื่อศาลสั่งเพิกถอนแล้ว เจ้าหนี้ก็ยังมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 92 จึงพิพากษายกคำสั่งของศาลชั้นต้นและคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณาคดีล้มละลายต่อไป เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้ดำเนินการร้องขอต่อศาล ขอให้ศาลสั่งเพิกถอนการจำนองซึ่งในที่สุดศาลได้มีคำพิพากษาให้เพิกถอนการจำนองรายนี้ เจ้าหนี้จึงได้มายื่นคำขอรับชำระหนี้ใหม่เป็นคดีนี้เป็นค่ากู้ยืมจำนวน462,000 บาท จากกองทรัพย์สินของลูกหนี้ทั้งสองอย่างเจ้าหนี้ไม่มีประกัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดบรรดาเจ้าหนี้และลูกหนี้มาตรวจคำขอรับชำระหนี้ตามมาตรา 104 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลายพุทธศักราช 2483 แล้ว ไม่มีผู้ใดโต้แย้งคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วเห็นควรยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เสียทั้งสิ้นตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พุทธศักราช 2483มาตรา 107(1) ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเห็นควรกลับความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เป็นให้เจ้าหนี้รายนี้ได้รับชำระหนี้ตามที่ปรากฏในสัญญาจำนองจำนวน 300,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยร้อยละ 12 ต่อปีนับแต่วันที่ 13 กันยายน 2522 ซึ่งเป็นวันที่ทำสัญญาจำนอง ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของนางสาวสุณี หวังสัจจะโชค เจ้าหนี้รายที่ 10 เสีย เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาว่าขณะที่เจ้าหนี้ยอมให้ลูกหนี้ที่ 2 กู้ยืมเงิน เจ้าหนี้ทราบหรือไม่ว่าลูกหนี้ที่ 2 มีหนี้สินล้นพ้นตัว ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ลูกหนี้ที่ 2 มีอาชีพค้าไม้และวัสดุก่อสร้าง เจ้าหนี้เป็นเพื่อนนักเรียนกับนางสาวสมถวิลสอาดธรรมวงศ์ น้องของลูกหนี้ที่ 2 เมื่อประมาณ 2-3 ปี มานี้ลูกหนี้ที่ 2 เคยกู้ยืมเงินเจ้าหนี้ 4-5 ครั้ง โดยออกเช็คค้ำประกันลูกหนี้ที่ 2 ชำระหนี้ให้ทุกครั้ง วันที่ 13 กันยายน 2522ลูกหนี้ที่ 2 กู้ยืมเงินเจ้าหนี้ 300,000 บาท โดยจำนองที่ดินและบ้านเฉพาะส่วนของลูกหนี้ที่ 2 เป็นประกัน วันที่ 12 ธันวาคม 2522ศาลมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ลูกหนี้ทั้งสองเด็ดขาด มีเจ้าหนี้มาขอรับชำระหนี้ 9 ราย เป็นเงิน 2,582,007.00 บาท ในจำนวนหนี้ดังกล่าวเป็นหนี้ตามคำพิพากษา 2 คดี โดยเฉพาะคดีแพ่งหมายเลขแดงที่1031/2522 ศาลชั้นต้นออกคำบังคับเมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2522เห็นว่า แม้เจ้าหนี้จะเป็นเพื่อนนักเรียนกับนางสาวสมถวิลน้องของลูกหนี้ที่ 2 และนางสาวสมถวิลเป็นคนติดต่อให้ลูกหนี้ที่ 2 กู้ยืมเงินเจ้าหนี้มาแล้วหลายครั้ง แต่ทุกครั้งลูกหนี้ที่ 2ก็ชำระหนี้ให้ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าเจ้าหนี้ ลูกหนี้ที่ 2 และนางสาวสมถวิลสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษหรือไม่ สถานที่ทำการค้าและบ้านพักอยู่ห่างไกลกันหรือไม่ และมีการติดต่อสัมพันธ์กันในทางใดบ้างหรือไม่ การให้กู้ยืมเงินโดยมีหลักประกันย่อมจะได้ประโยชน์ด้วยกันทั้งสองฝ่ายไม่จำเป็นต้องสนิทสนมกันมากเป็นพิเศษหรือต้องรู้ฐานะทางการเงินของลูกหนี้ที่ 2 โดยละเอียด ตามปกติผู้ยืมย่อมปกปิดจำนวนหนี้และเจ้าหนี้รายอื่น ๆ ต่อบุคคลที่ประสงค์จะขอกู้ยืมเงิน โดยเฉพาะหนี้รายนี้ลูกหนี้ที่ 2 ขอกู้ยืมเงินมีที่ดินและบ้านจำนองเป็นประกัน ย่อมเป็นหลักประกันอันเพียงพอแก่เจ้าหนี้ ไม่จำเป็นที่เจ้าหนี้จะต้องรู้ฐานะของลูกหนี้ที่ 2การที่ปรากฏในเวลาต่อมาว่า ลูกหนี้ที่ 2 มีหนี้สินล้นพ้นตัว และเป็นหนี้ตามคำพิพากษาด้วย จนศาลได้ออกคำบังคับก่อนมีการกู้ยืมเงินรายนี้ก็ตาม ก็เป็นเรื่องเฉพาะตัวของลูกหนี้ที่ 2 บุคคลภายนอกที่ไม่ได้ไปเกี่ยวข้องด้วยย่อมทราบไม่ได้ เห็นว่า ไม่มีพฤติการณ์ใดที่จะแสดงให้เห็นว่า เจ้าหนี้ทราบว่าลูกหนี้ที่ 2 มีหนี้สินล้นพ้นตัว จะอาศัยเหตุแต่เพียงว่าเจ้าหนี้เป็นเพื่อนนักเรียนกับน้องของลูกหนี้ที่ 2 และเจ้าหนี้เคยให้กู้ยืมเงินมาแล้วหลายครั้งต้องสันนิษฐานว่า เจ้าหนี้ทราบฐานะการเงินของลูกหนี้ที่ 2 ดีนั้นเป็นการไม่ถูกต้อง เพราะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 6บัญญัติว่า “ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า บุคคลทุกคนกระทำการโดยสุจริต” ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่า เจ้าหนี้ได้ทราบว่าลูกหนี้ที่ 2 มีหนี้สินล้นพ้นตัว
ปัญหาว่าการกู้ยืมเงินมีหลักฐานเป็นหนังสือหรือไม่ ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าการกู้ยืมเงินรายนี้มีที่ดินและบ้านจำนองเป็นประกันตามสัญญาจำนองมีข้อความระบุว่า ให้ถือสัญญาจำนองเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินจำนวน 300,000 บาท และตามภาพถ่ายสัญญาจำนองดังกล่าวปรากฏว่า ได้มีการปิดอากรแสตมป์แล้ว เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ก็ไม่ทักท้วงว่า เป็นภาพถ่ายที่ไม่ถูกต้อง แม้สัญญาจำนองจะถูกเพิกถอนในเวลาต่อมาก็ไม่กระทบกระเทือนถึงข้อความที่ระบุไว้เกี่ยวกับการกู้ยืมเงิน จึงถือได้ว่า สัญญาจำนองเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืม เจ้าหนี้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 92 ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาเจ้าหนี้ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น