แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คำฟ้องโจทก์ในช่องข้อหาหรือฐานความผิดระบุว่า ‘ละเมิดเรียกค่าเสียหาย’ฟ้องข้อ 3 บรรยายว่า ‘ระหว่างที่จำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางจำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหาย’ แต่ฟ้องข้อ 2 ก็ได้บรรยายว่า ‘จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2526 มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางรับส่งผู้โดยสารตามสัญญาจ้างแรงงาน’เมื่ออ่านฟ้องสองข้อประกอบกันแล้วย่อมเห็นได้ว่าโจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดหน้าที่ บกพร่องต่อหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงานในการขับรถเป็นฟ้องที่กล่าวหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงานมิใช่ฟ้องเรื่องละเมิดแม้โจทก์จะระบุข้อหาหรือฐานความผิดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นละเมิดก็ไม่ทำให้สารัตถะในฟ้องซึ่งเป็นเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานกลายเป็นฟ้องเรื่องละเมิดไปได้จะใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์ มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางตามสัญญาจ้างแรงงาน จำเลยขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวังทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย 3 ครั้ง และได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ไว้ต่อมาโจทก์ไล่จำเลยออกเพราะกระทำผิดข้อบังคับของโจทก์ โจทก์ได้ทวงถามให้จำเลยชำระเงินรวม 1,700 บาท ที่จำเลยรับสภาพหนี้ไว้ จำเลยไม่ชำระ ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทำละเมิดต่อโจทก์คดีขาดอายุความละเมิดแล้ว และจำเลยชำระเงินตามฟ้องให้โจทก์แล้วขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางเห็นว่า คดีพอวินิจฉัยได้แล้ว ให้งดสืบพยานคู่ความทั้งสองฝ่าย
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า ฟ้องโจทก์เป็นเรื่องละเมิดคดีขาดอายุความ 1 ปีนับแต่วันที่จำเลยทำหนังสือรับสภาพหนี้ ไม่จำต้องวินิจฉัยประเด็นข้ออื่น พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า คำฟ้องโจทก์ในช่องข้อหาหรือฐานความผิดระบุว่า “ละเมิดเรียกค่าเสียหาย” ในข้อ 3 โจทก์บรรยายฟ้องว่า “ระหว่างจำเลยเป็นลูกจ้างโจทก์ทำหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทาง จำเลยได้ขับรถด้วยความประมาทปราศจากความระมัดระวัง เป็นเหตุให้โจทก์ได้รับความเสียหายรว 3 ครั้ง กล่าวคือ”ฟ้องโจทก์เป็นดังนั้ ศาลฎีกาเห็นว่า แม้ถ้อยคำในฟ้องของโจทก์ข้อ 3 ใช้คำว่า จำเลยประมาทปราศจากความระมัดระวังทำให้โจทก์เสียหายก็ตาม แต่ในฟ้องข้อ 2 โจทก์บรรยายว่า “จำเลยเป็นลูกจ้างประจำของโจทก์เข้าทำงานตั้งแต่วันที่ 20 มิถุนายน 2526มีหน้าที่ขับรถยนต์โดยสารประจำทางรับส่งผู้โดยสารตามสัญญาจ้างแรงงาน”เมื่ออ่านฟ้องสองข้อประกอบกันแล้วย่อมเห็นได้ว่า โจทก์กล่าวหาว่าจำเลยกระทำผิดต่อหน้าที่ บกพร่องต่อหน้าที่อันเกิดแต่สัญญาจ้างแรงงานในการขับรถ โดยจะต้องขับมิให้เกิดความเสียหายแก่รถของโจทก์ ไม่บกพร่องในการขับ ฟ้องโจทก์ดังนี้ศาลฎีกาเห็นว่า เป็นฟ้องที่กล่าววหาว่าจำเลยทำผิดสัญญาจ้างแรงงาน มิใช่ฟ้องเรื่องละเมิดแม้โจทก์จะระบุข้อหาหรือฐานความผิดคลาดเคลื่อนไปว่าเป็นละเมิด ก็ไม่ทำให้สารัตถะในฟ้องซึ่งเป็นเรื่องผิดสัญญาจ้างแรงงานกลายเป็นฟ้องเรื่องละเมิดไปได้ เพราะฉะนั้นจะใช้อายุความ 1 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 448 มาปรับแก่คดีหาได้ไม่
พิพากาายกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางพิจารณาเฉพาะประเด็นข้อ 2 แล้วมีคำพิพากษาใหม่