คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3409/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

รายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ เคาะไม้แสดงว่าตกลงขายทรัพย์ให้แก่ ท. ผู้ให้ราคาสูงสุดเพียงแต่ ทำรายงานขอให้ศาลชั้นต้น พิจารณาว่าสมควรขายทรัพย์ในราคา 21,000 บาทหรือไม่การขายทอดตลาดจึงยังไม่บริบูรณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 509 การที่ศาลชั้นต้น เห็นว่า ท.ให้ราคาต่ำกว่าราคาประเมินแล้วเรียกท.ไปตกลง เพิ่มราคาทรัพย์เป็น 40,000 บาทเป็นการที่ ศาลชั้นต้นตกลงขายทรัพย์ ให้แก่ท.เองโดยไม่เปิดโอกาส ให้ผู้แทนโจทก์หรือผู้อื่นเข้าสู้ราคา ไม่มีบทกฎหมาย หรือระเบียบปฏิบัติให้ศาลชั้นต้นกระทำได้เช่นนั้นถือไม่ได้ว่าเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมายใน กรณีเช่นนี้ หากศาลชั้นต้นเห็นว่าท.ให้ราคาน้อยไปยัง ไม่สมควรขายก็ต้องสั่งให้ ขายทอดตลาดใหม่เท่านั้น

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลจังหวัดพระนครศรีอยุธยาขอให้ศาลจังหวัดกระบี่บังคับคดีแทนศาลจังหวัดกระบี่ตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์เลขที่ 52 หมู่ที่ 1 ตำบลคลองท่อมใต้ อำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่ ออกขายทอดตลาดนายทวี ศรีสุคนธ์ ประมูลซื้อให้ราคาสูงสุด 21,000 บาท ต่อมานายทวีเพิ่มเงินค่าที่ดินให้อีกรวมเป็นเงิน 40,000 บาท ศาลอนุญาตให้ขายในราคานี้ โจทก์ซึ่งมาประมูลซื้อทรัพย์ไม่ทันกำหนดนัด ยื่นคำร้องขอให้ขายทอดตลาดใหม่โดยอ้างว่าการขายเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลจังหวัดกระบี่มีคำสั่งว่า เป็นความผิดของผู้แทนโจทก์เองที่ไม่มาศาลตามกำหนดนัด การขายทอดตลาดสมบูรณ์ ยกคำร้อง
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ขอให้ขายทอดตลาดใหม่
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์และจำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 509บัญญัติว่า “การขายทอดตลาดย่อมบริบูรณ์เมื่อผู้ทอดตลาดแสดงความตกลงด้วยการเคาะไม้ หรือด้วยกิริยาอื่นอย่างใดอย่างหนึ่งตามจารีตประเพณีในการขายทอดตลาด ถ้ายังมิได้แสดงเช่นนั้นอยู่ตราบใด ท่านว่าผู้สู้ราคาจะถอนคำสู้ราคาของตนเสียก็ยังถอนได้” เมื่อพิเคราะห์รายงานของเจ้าพนักงานบังคับคดีแล้ว ไม่ปรากฏว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้เคาะไม้แสดงว่าตกลงขายทรัพย์ให้แก่ผู้ซื้อที่ให้ราคาสูงสุด เพียงแต่ทำรายงานาขอให้ศาลชั้นต้นพิจารณาว่าสมควรขายทรัพย์ในราคา 21,000 บาทหรือไม่ การขายทอดตลาดจึงยังไม่บริบูรณ์ ทั้งคดีนี้ปรากฏว่าผู้แทนโจทก์ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีได้ประเมินราคาทรัพย์ไว้เป็นเงิน 50,000 บาท นายทวีให้ราคาสูงสุดเพียง21,000 บาท ต่ำกว่าราคาประเมินมาก ขอให้ศาลชั้นต้นสั่งขายทอดตลาดใหม่โดยให้ผู้แทนโจทก์เข้าประมูลซื้อทรัพย์ด้วย ศาลฎีกาเห็นว่า หากศาลชั้นต้นเห็นว่านายทวีให้ราคาน้อยไปยังไม่สมควรขาย ก็ต้องสั่งให้ขายทอดตลาดใหม่เท่านั้นการที่ศาลชั้นต้นเรียกนายทวีไปตกลงเพิ่มราคาทรัพย์เป็น 40,000 บาทนั้น ย่อมถือได้ว่าศาลชั้นต้นตกลงขายทรัพย์ให้แก่นายทวีเองโดยไม่เปิดโอกาสให้ผู้แทนโจทก์หรือผู้อื่นเข้าสู้ราคา ไม่มีบทกฎหมายหรือระเบียบปฏิบัติให้ศาลชั้นต้นกระทำเช่นนั้นได้ จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการขายทอดตลาดโดยชอบด้วยกฎหมาย
พิพากษากลับ ให้ยกเลิกการขายทอดตลาด ให้ดำเนินการขายทอดตลาดใหม่

Share