คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 809/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลย กระทำผิดตามฟ้อง
ในคดีความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค ข้อเท็จจริงที่ว่าวันที่จำเลยออกเช็คจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิด เกิดขึ้นจากการที่จำเลยตอบคำถามค้านของโจทก์ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบถึง ข้อเท็จจริงนั้นไม่พอฟังลงโทษจำเลย (เทียบคำพิพากษาฎีกาที่ 540/2504)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยออกเช็คโดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497มาตรา 3(1)(2)(3)
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นผู้ออกเช็คตามฟ้องลงวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 โจทก์นำเช็คไปเรียกเก็บเงินนในวันที่ 3พฤศจิกายน 2524 ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินและโจทก์ไม่ได้นำสืบพยานของโจทก์เองว่าในวันที่จำเลยออกเช็คคือวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 จำเลยไม่มีเงินในบัญชีเลยหรือมีเงินจำนวนน้อยกว่าที่สั่งจ่ายในเช็ค
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ว่า การที่โจทก์ถามค้านตัวจำเลยจนจำเลยเบิกความยอมรับว่า ในวันออกเช็คจำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินตามเช็คนั้น จะถือว่าโจทก์ได้นำสืบถึงความข้อนี้แล้วหรือไม่ดังนี้ เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2524 อันเป็นวันที่จำเลยออกเช็ค จำเลยไม่มีเงินอยู่ในบัญชีอันจะพึงให้ใช้เงินได้ เป็นข้อเท็จจริงอันเป็นสาระสำคัญขององค์ประกอบความผิดตามฟ้อง ซึ่งเกิดจากการที่จำเลยเบิกความตอบคำถามค้านของโจทก์ไม่ได้เกิดจากการนำสืบของโจทก์ ไม่พอฟังลงโทษจำเลย ถือไม่ได้ว่าโจทก์นำสืบแล้วถึงข้อเท็จจริงดังกล่าวเพราะในการพิจารณาคดีอาญา โจทก์มีหน้าที่ต้องนำสืบให้ฟังได้ว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้อง
พิพากษายืน

Share