แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์เกษียณอายุในวันที่ 19 สิงหาคม 2528 ย่อมพ้นสภาพความเป็นลูกจ้างของจำเลยนับแต่วันดังกล่าว จำเลยไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันนั้นให้แก่โจทก์อีกต่อไปทั้งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยก็มิได้กำหนดให้จำเลยจ่ายค่าจ้างทั้งเดือนให้แก่พนักงานที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุ โจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างเพียง 18วัน.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 เลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2528 ด้วยเหตุครบเกษียณอายุจำเลยที่1 จ่ายเงินต่าง ๆ ให้โจทก์แต่เงินบำเหน็จและค่าชดเชยยังจ่ายไม่ถูกต้องเพราะจะต้องนำค่าตำแหน่งกับค่าครองชีพที่โจทก์ได้รับมารวมกับเงินเดือนเป็นฐานคำนวณด้วย จำเลยที่ 1 ยังค้างชำระเงินเดือนประจำเดือนสิงหาคม 2528 อยู่ 27,005 บาทอนึ่งเมื่อปีพ.ศ.2517 จำเลยที่ 1 ได้ก่อตั้งบริษัทจำเลยที่ 2 ขึ้นในบริเวณโรงงานของจำเลยที่ 1 และได้ร่วมกันว่าจ้างโจทก์ให้ทำงานในบริษัทจำเลยที่ 2 โดยให้ค่าตอบแทนแก่โจทก์ในอัตราครึ่งหนึ่งของค่าตอบแทนที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ 1 ตั้งแต่ปี 2518 ถึงวันที่ 19 สิงหาคม 2528 จึงต้องจ่ายเงินต่าง ๆ ในอัตราครึ่งหนึ่งที่โจทก์ได้รับจากจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธหลายประการและว่าสำหรับเงินค่าจ้างประจำเดือนสิงหาคม 2528 โจทก์ทำงานกับจำเลยที่ 1 เพียงวันที่18 สิงหาคม 2528 โจทก์จึงมีสิทธิได้รับเป็นเงินค่าจ้างตามจำนวนวันที่ทำงานดังกล่าวเท่านั้น
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินประกันดอกเบี้ยเงินประกัน เงินสะสม เงินบำเหน็จ เงินชดเชย เงินโบนัสและค่าจ้างค้างจ่ายพร้อมทั้งดอกเบี้ยแก่โจทก์คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยกและให้ยกฟ้องคดีสำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่าที่โจทก์อุทธรณ์อีกว่าโจทก์เป็นลูกจ้างประจำรายเดือนจึงมีสิทธิได้รับเงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเต็มทั้งเดือนไม่ว่าเดือนนั้นโจทก์จะมาทำงานกี่วันเพราะการที่โจทก์ออกจากงานเพราะเกษียณอายุตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ไม่ใช่ด้วยความสมัครใจของโจทก์และการที่จำเลยที่ 1 มีระเบียบข้อบังคับให้พนักงานเกษียณอายุในวันที่ 19สิงหาคมของทุกปีแสดงว่าจำเลยที่ 1 กำหนดให้โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานของจำเลยที่ 1 ซึ่งครบเกษียณอายุในปี 2528 มีวันทำงานในเดือนสิงหาคม 2528 เพียง 18 วันเท่านั้นเมื่อโจทก์ได้ทำงานในเดือนสิงหาคม 2528 และต้องออกจากงานเพราะเกษียณในเดือนสิงหาคม2528 จำเลยที่ 1 จึงต้องจ่ายค่าจ้างประจำเดือนอันได้แก่เงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเต็มทั้งเดือนรวมเป็นเงิน 26,905 บาทแก่โจทก์นั้นพิเคราะห์แล้วเห็นว่าเมื่อโจทก์ต้องเกษียณอายุในวันที่ 19 สิงหาคม 2528 โจทก์ย่อมพ้นจากสภาพความเป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 1 นับแต่วันดังกล่าวและจำเลยที่ 1 ไม่มีหน้าที่ที่จะต้องจ่ายค่าจ้างตั้งแต่วันนั้นให้แก่โจทก์อีกต่อไปทั้งตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยที่ 1 ก็มิได้กำหนดให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าจ้างทั้งเดือนให้แก่พนักงานที่ต้องพ้นจากตำแหน่งเพราะเกษียณอายุ เช่นกรณีโจทก์นี้แต่อย่างใดโจทก์จึงมีสิทธิที่จะได้รับค่าจ้างอันได้แก่เงินเดือนค่าตำแหน่งและค่าครองชีพเพียง18 วันรวมเป็นเงิน 15,622.26 บาทตามที่ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยมาแล้วเท่านั้นอุทธรณ์ของโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษาแก้เป็นว่าเฉพาะเงินบำเหน็จจำนวน 99,974 บาทให้จำเลยที่ 1 ชำระดอกเบี้ยแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง.