แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดการที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 จึงไม่ถูกต้อง ศาลฎีกาแก้ไขให้ถูกต้องโดยปรับบทริบตามมาตรา 33.(ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตาม ป.อ. มาตรา 288, 32 และขอให้ริบของกลาง ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา288, 32 จำคุกตลอดชีวิตและริบของกลางจำเลยอุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘ที่ศาลอุทธรณ์และศาลชั้นต้นพิพากษาว่าพยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดตามฟ้องนั้นศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้นแต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีประกอบกับได้ความว่าขณะเกิดเหตุจำเลยมีอายุเกินกว่าสิบเจ็ดปีแต่ไม่เกินยี่สิบปีก็เห็นควรลดมาตราส่วนโทษให้
อนึ่งที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นให้ริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32 ตามฟ้องโจทก์นั้นยังไม่ถูกต้องเพราะของกลางเป็นทรัพย์สินที่จำเลยได้ใช้ในการกระทำความผิดจึงต้องปรับบทริบตามมาตรา 33 สมควรแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่าลดมาตราส่วนโทษให้จำเลยหนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 76 ประกอบด้วยมาตรา 53 คงลงโทษจำคุก 33ปี 4 เดือน ริบของกลางตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 33 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.