แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
จำเลยมาศาลในวันนัดสืบพยานนัดแรก เมื่อสืบพยานโจทก์ได้ 2ปากแล้วโจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานที่เหลือต่อนัดหน้า จำเลยแถลงขอสืบพยานพร้อมพยานโจทก์ด้วย ถึงวันนัดจำเลยไม่มาศาลเช่นนี้ถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 197 วรรค 2 เพราะวันสืบพยานตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(10) หมายถึงวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานอีกทั้งการที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีก็เพราะศาลสั่งไม่รับบัญชีระบุพยานของจำเลยด้วยเหตุที่ยื่นเกินกำหนดตามที่ระบุไว้ใน ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 ทำให้จำเลยไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบ ดังนี้ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องอุทธรณ์คดีต่อไป จะร้องขอให้พิจารณาคดีใหม่ไม่ได้กรณีไม่ต้องด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 207ที่จะขอพิจารณาคดีใหม่ได้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอบังคับให้จำเลยชำระเงินที่จำเลยกู้ยืมไปจากโจทก์คืนเป็นจำนวน 366,250 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 15ต่อปีในต้นเงิน 200,000 บาท นับแต่วันถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินให้โจทก์เสร็จ
จำเลยให้การว่าจำเลยไม่เคยกู้เงินโจทก์ขอให้พิพากษายกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์นัดแรกได้ 2 ปาก จำเลยมาศาลแล้วโจทก์ขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือ 1 ปากนัดหน้า จำเลยแถลงขอสืบพยานจำเลยพร้อมพยานโจทก์ด้วยครั้นถึงวันสืบพยานโจทก์จำเลยคงมีแต่ทนายโจทก์มาศาลฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาลศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ในนัดนี้ได้ 1 ปาก แล้วทนายโจทก์แถลงว่าหมดพยานและศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าสำหรับการสืบพยานจำเลยนั้นเนื่องจากจำเลยได้ยื่นบัญชีพยานเกินกำหนดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 88 และศาลได้มีคำสั่งไม่รับบัญชีพยานดังกล่าวแล้ว จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบและนัดฟังคำพิพากษาต่อมาก่อนศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาจำเลยได้ยื่นคำร้องขอให้มีคำสั่งไต่สวนคำร้องพิจารณาคดีใหม่และอนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ไม่มีเหตุตามกฎหมายที่จะอนุญาตให้ได้และพิพากษาให้จำเลยใช้เงินแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ขอให้กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้นและสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาขอให้กลับคำพิพากษาศาลล่างทั้งสอง และสั่งให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีใหม่
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่จำเลยฎีกาว่าที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตและยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้มีคำสั่งไต่สวนคำร้องขอให้พิจารณาใหม่และไม่อนุญาตให้จำเลยนำพยานเข้าสืบและพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ซึ่งศาลอุทธรณ์พิพากษายืนเป็นการไม่ชอบนั้น เห็นว่าคดีนี้จำเลยเคยขาดนัดยื่นคำให้การแล้วจำเลยได้ยื่นคำร้องขอยื่นคำให้การและในชั้นไต่สวนคำร้อง ศาลชั้นต้นได้อนุญาตให้จำเลยยื่นคำให้การได้วันนัดชี้สองสถานจำเลยไม่มาศาลแต่เมื่อนัดสืบพยานโจทก์นัดแรกจำเลยมาศาลเช่นนี้จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยขาดนัดพิจารณาเพราะวันสืบพยานตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1 (10)หมายความถึงวันที่ศาลเริ่มต้นทำการสืบพยานคดีนี้ปรากฏว่าศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์นัดแรกได้ 2 ปาก โจทก์แถลงว่ายังเหลือพยานโจทก์อีก 1 ปาก นัดนี้ไม่มาศาลขอเลื่อนไปสืบพยานโจทก์ที่เหลือนัดหน้าและจำเลยแถลงขอสืบพยานจำเลยพร้อมพยานโจทก์ด้วย ศาลชั้นต้นจึงให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์จำเลยนัดหน้าครั้นถึงวันนัดคงมีแต่ทนายโจทก์มาศาลฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล ดังนั้นการที่จำเลยไม่มาศาลในนัดนี้จึงมิใช่เป็นการขาดนัดพิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา197 วรรคสอง แต่อย่างใดเพราะจำเลยได้มาศาลในการพิจารณาสืบพยานโจทก์นัดแรกดังกล่าวแล้ว เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าสำหรับการสืบพยานจำเลยนั้นเนื่องจากจำเลยได้ยื่นบัญชีพยานเกินกำหนดตามที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 88 และศาลได้มีคำสั่งไม่รับบัญชีพยานดังกล่าว จำเลยจึงไม่มีสิทธินำพยานเข้าสืบแล้วพิพากษาให้จำเลยแพ้คดีดังนี้จำเลยจะต้องอุทธรณ์ต่อไปจะยื่นคำร้องว่าไม่จงใจขาดนัดขอให้พิจารณาใหม่หาได้ไม่กรณีไม่ต้องด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 209 ที่จะร้องขอให้พิจารณาใหม่ได้ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยเสียนั้นชอบแล้ว…’
พิพากษายืน ให้จำเลยใช้ค่าทนายความชั้นฎีกา 200 บาท แทนโจทก์คืนค่าขึ้นศาลส่วนที่เกินจาก 200 บาทแก่จำเลย.