คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 452/2530

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์เคยขอเลื่อนคดีหลายครั้ง โดย 3 ครั้งหลังขอเลื่อนคดีติดต่อกัน ครั้งนี้โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้ว โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาลศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 166 โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายโจทก์ป่วย เช่นนี้ แม้การเจ็บป่วยจะถือเป็นเหตุอันสมควรในการมาศาลไม่ได้ แต่ก็ไม่หมายความว่า หากทนายโจทก์เจ็บป่วยแล้วจะถือเป็นเหตุให้ศาลต้องเลื่อนคดีให้โจทก์เองโดยปริยาย เป็นเรื่องที่โจทก์หรือทนายโจทก์จะต้องแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุที่ไม่อาจดำเนินคดีตามกำหนดนัดของศาล ทั้งข้อเท็จจริงก็ไม่ปรากฏว่า ตัวโจทก์ไม่สามารถมาศาลด้วย พฤติการณ์แสดงให้เห็นว่า โจทก์ไม่มาศาลเพราะไม่สนใจต่อเวลานัดของศาล หาใช่เพราะมีเหตุอันสมควรไม่ จึงไม่มีเหตุจะยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่.(ที่มา-ส่งเสริม)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องจำเลยในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา จำเลยให้การปฏิเสธครั้นถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์และทนายโจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกฟ้อง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 181, 166โจทก์ยื่นคำร้องขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ อ้างว่าทนายโจทก์ป่วยศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…โจทก์ทราบนัดโดยชอบแล้ว โจทก์กลับไม่มาศาลตามกำหนดนัด ทั้ง ๆ ที่โจทก์ได้ขอเลื่อนคดี 3 ครั้งหลังติดต่อกันมาแล้ว ในครั้งนี้หากทนายโจทก์เจ็บป่วยจริง ก็น่าที่จะให้ตัวโจทก์มาศาลหรือมอบฉันทะให้ผู้อื่นมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีได้เช่นครั้งที่แล้วมา ซึ่งเมื่อรับฟังประกอบกับเหตุที่โจทก์อ้างในคำร้องขอให้ศาลไต่สวนว่าไม่ได้จงใจไม่มาศาลตามกำหนดนัด ตามคำร้องฉบับลงวันที่ 25 พฤษภาคม 2527 ว่า ตัวโจทก์ได้นัดหมายให้จ่าสิบเอกพยอม อุบลราช นำรถยนต์ไปรอรับทนายโจทก์ที่ทางแยกเข้าบริษัทขนส่งตลาดหมอชิต ด้านติดกับถนนวิภาวดีรังสิตอันเป็นจุดนัดหมายเช่นเคยเวลา 7.30 นาฬิกา แต่ทนายโจทก์ไม่ได้มาตามนัด ตัวโจทก์จึงทราบภายหลังว่าทนายโจทก์ป่วยกะทันหันแต่กลับได้ความตามคำเบิกความของทนายโจทก์ชั้นไต่สวนขอให้ยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ว่า ในการไปว่าความที่ศาลจังหวัดสระบุรีนั้น ปกติตัวโจทก์จะต้องเอารถมารับทนายโจทก์ที่บ้าน แต่เมื่อวันที่ 22พฤษภาคม 2527 ซึ่งเป็นวันกำหนดนัดของศาล ตัวโจทก์ไม่ได้ส่งรถมารับทนายโจทก์เลย แสดงว่าไม่ว่าจะฟังข้อเท็จจริงตามคำร้องของโจทก์หรือตามคำเบิกความของทนายโจทก์ ก็จะเห็นได้ว่าทั้งตัวโจทก์และทนายโจทก์ต่างไม่ได้สนใจที่จะไปศาลทั้งสองคนโดยไม่ได้คำนึงถึงการจะแจ้งเหตุของการขอเลื่อนคดีให้ศาลทราบแม้การเจ็บป่วยจะถือว่ามีเหตุอันสมควรในการมาศาลไม่ได้ดังโจทก์ฎีกาก็ตาม แต่ก็ไม่หมายความว่าหากทนายโจทก์เจ็บป่วยแล้วจะถือเป็นเหตุให้ศาลต้องเลื่อนคดีให้โจทก์เองโดยปริยาย เป็นเรื่องที่โจทก์หรือทนายโจทก์จะต้องแจ้งให้ศาลทราบถึงเหตุที่ไม่อาจดำเนินคดีตามกำหนดนัดของศาลได้ แม้โจทก์จะอ้างว่ามีใบรับรองแพทย์แสดงถึงการเจ็บป่วยของทนายโจทก์เป็นหลักฐาน แต่ก็เป็นใบรับรองของแพทย์ผู้ตรวจก่อนวันกำหนดนัดของศาล และแม้โจทก์จะอ้างว่าในวันกำหนดนัดของศาลทนายโจทก์เกิดป่วยมากขึ้นอย่างกะทันหัน แต่ก็ไม่ปรากฏว่าตัวโจทก์ไม่สามารถมาศาลได้ด้วยแม้โจทก์จะฎีกาอ้างว่าทนายโจทก์ป่วยจริงก็ไม่ทำให้ตัวโจทก์ซึ่งเป็นตัวความเองหมดหน้าที่ในการมาแถลงให้ศาลทราบ จะอ้างเหตุเพียงว่าตัวโจทก์ได้มอบเรื่องให้ทนายความไปแล้วไม่ได้ พฤติการณ์ของโจทก์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า โจทก์ไม่สนใจต่อเวลานัดของศาลและไม่ได้มาศาลตามกำหนดนัด หาใช่ไม่ได้มาศาลเพราะมีเหตุอันสมควรดังโจทก์ฎีกาไม่ จึงไม่มีเหตุจะยกขึ้นพิจารณาใหม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share