คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 319/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อสามีทำหนังสือสละสิทธิในทรัพย์สินทั้งปวงให้แก่ภรรยาที่พิพาทซึ่งในโฉนดมีชื่อภรรยาถือกรรมสิทธิ์แต่ผู้เดียวย่อมตกเป็นกรรมสิทธิ์ของภรรยาโดยสมบูรณ์ หาจำต้องจดทะเบียนกันอีกไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเจ้าของร่วมกับนางเฉลิม วัฒนารมย์ภรรยาในที่ดินโฉนดที่ 73 ตำบลท่าประดู่ อำเภอเมืองระยองจังหวัดระยองเมื่อภรรยาโจทก์ถึงแก่กรรมไปแล้ว จำเลยซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกได้ขายที่ดินดังกล่าวไป แล้วไม่ยอมแบ่งเงินที่ได้จากการขายที่ดินให้โจทก์ครึ่งหนึ่ง จึงขอให้บังคับจำเลยชำระเงินแก่โจทก์จำนวน 100,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยให้การมีสาระสำคัญว่า โจทก์ได้ทำหนังสือแสดงเจตนาสละทรัพย์สินของโจทก์ให้แก่ภรรยาโจทก์แล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ได้สละที่ดินพิพาทให้ภรรยาโจทก์ไปแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ระหว่างพิจารณาของศาลอุทธรณ์โจทก์ถึงแก่กรรม ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้นายเฉลา รัตนาเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ได้ทำหนังสือฉบับหนึ่งให้กับนางเฉลิม วัฒนารมย์ ภริยาโจทก์มีข้อความว่า ‘ทรัพย์สินทั้งหลายที่ข้าพเจ้ามีสิทธิร่วมกับนางเฉลิม วัฒนารมย์ ข้าพเจ้าขอมอบให้เป็นสิทธิแก่นางเฉลิม วัฒนารมย์ แต่ผู้เดียว ข้าพเจ้าขอสละสิทธิอันจะพึงมีพึงได้นี้นับแต่วันที่ 1 กรกฎาคม2517 เป็นต้นไปและต่อไปนั้นนางเฉลิม วัฒนารมย์ มีสิทธิที่จะทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนหรือจะให้ใครย่อมทำได้โดยบริบูรณ์ โดยมิต้องเกี่ยวข้องถึงข้าพเจ้า’ ข้อความดังกล่าวย่อมแสดงว่าโจทก์ได้สละสิทธิในทรัพย์สมบัติทั้งปวง ซึ่งรวมถึงที่ดินพิพาทให้แก่นางเฉลิมไปแล้วตั้งแต่วันที่1 กรกฎาคม 2517 เมื่อโฉนดที่ดินพิพาทมีชื่อนางเฉลิมแต่ผู้เดียวเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์จึงไม่จำต้องจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์กันอีก ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share