แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ครั้งแรกศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า จำเลยขออาศัยอยู่ในโฉนดเลขที่ 2669 และ 2670 ของโจทก์หรือไม่ เมื่อสืบพยานเสร็จแล้วศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นใหม่ว่า ที่ดินที่จำเลยครอบครองทำกินและปลูกบ้านเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 2669 และ 2670 หรือไม่ ดังนี้ ประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดทั้งสองครั้งแม้ถ้อยคำจะแตกต่างกันบ้าง แต่ความหมายคงเป็นอย่างเดียวกันคือ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยสิทธิโจทก์ตามฟ้อง หรือจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ของจำเลยตามข้อต่อสู้ของจำเลย.(ที่มา-เนติ)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยอาศัยอยู่ในที่สองแปลงของโจทก์ ขอให้ขับไล่จำเลยให้การว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ของจำเลยซึ่งเป็นคนละโฉนดกับที่โจทก์ฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ‘สำหรับฎีกาโจทก์ที่ว่าศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นพิพาทขึ้นใหม่หลังจากการสืบพยานเสร็จแล้วเป็นการไม่ชอบนั้น ได้ความว่าครั้งแรกศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยขออาศัยอยู่ในที่ดินโฉนดเลขที่2669 และ 2670 ของโจทก์หรือไม่ และต่อมาได้กำหนดประเด็นใหม่ว่า ที่ดินที่จำเลยครอบครองทำกินและปลูกบ้านเป็นที่ดินโฉนดเลขที่ 2669 และ 2670 หรือไม่ เห็นว่าประเด็นที่ศาลชั้นต้นกำหนดทั้งสองครั้งแม้ถ้อยคำจะแตกต่างกันบ้างแต่ความหมายคงเป็นอย่างเดียวกัน คือ จำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยอาศัยสิทธิโจทก์ตามฟ้อง หรือจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ของจำเลยตามข้อต่อสู้ของจำเลยเมื่อฟังได้ว่าจำเลยปลูกบ้านอยู่ในที่ดินของจำเลย โจทก์ก็ไม่มีสิทธิขับไล่จำเลย ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น’
พิพากษายืน ให้โจทก์ใช้ค่าทนายความชั้นฎีกาแทนจำเลย 600บาท.