คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 187/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

มีอาวุธปืนไม่มีทะเบียนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและพกพาอาวุธปืนนั้นไปในทางสาธารณะ ย่อมเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายจะอ้างว่ารู้เท่าไม่ถึงการณ์ไม่ได้.
จำเลยขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มโดยวางอาวุธปืนไว้ใต้เบานั่งหน้ารถ อ้างว่าเพื่อป้องกันทรัพย์สินดังนี้ กรณีถือไม่ได้ว่ามีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์แต่เนื่องจากจำเลยเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตมีหน้าที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มและไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน สมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และพาอาวุธปืนดังกล่าวไปตามทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควร และไม่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯมาตรา 7, 8 ทวิ, 72, 72 ทวิ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 371 ลงโทษฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน จำคุก 2 ปี ปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปในทางสาธารณะ จำคุก 1 ปี ปรับ 2,000 บาท รวมจำคุก 3 ปี ปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 4,000 บาท ให้รอโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 ริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกฐานมีอาวุธปืน 1 ปี ฐานพาอาวุธปืน 6 เดือน รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือนไม่รอการลงโทษและไม่ปรับนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาในศาลชั้นต้นซึ่งลงชื่อในคำพิพากษารับรองให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ที่จำเลยฎีกาว่า จำเลยมีและพาอาวุธปืนเครื่องกระสุนปืน ของกลางเป็นการกระทำที่จำเลยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้พาติดตัวไปเพื่อป้องกันทรัพย์สินในขณะที่จำเลยขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มใบยาวังธง เป็นกรณีที่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วนและสมควรนั้นเห็นว่า อาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน ของกลางเป็นอาวุธปืนที่ไม่มีหมายเลขทะเบียน ผู้ใดมีไว้ในครอบครองเป็นความผิด จำเลยจะอ้างว่าจำเลยมีไว้ในครอบครองโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ฟังไม่ขึ้น จำเลยวางอาวุธปืนไว้ในเบาะนั่งหน้ารถในขณะที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มใบยา ถือไม่ได้ว่ากรณีมีเหตุจำเป็นและเร่งด่วนตามสมควรแก่พฤติการณ์
ที่จำเลยขอให้รอการลงโทษให้จำเลยนั้น เมื่อพิเคราะห์ถึงสภาพความผิดและพฤติการณ์โดยตลอดแล้ว เห็นว่าจำเลยเป็นผู้ประกอบอาชีพโดยสุจริตมีหน้าที่ขับรถบรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่ม ขณะเกิดเหตุได้ขับรถยนต์บรรทุกใบยาไปส่งโรงบ่มใบยาวังธง ปรากฏตามหนังสือรับรองของเจ้าของและผู้จัดการโรงบ่มใบยาวังธง จำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อนเห็นสมควรให้รอการลงโทษจำเลยไว้ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษให้จำเลยและไม่ปรับนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาจำเลยฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำเลยฐานมีอาวุธปืน จำคุก 1 ปีปรับ 6,000 บาท ฐานพาอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน จำคุก 6 เดือน ปรับ2,000 บาท รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน ปรับ 8,000 บาท จำเลยให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 9 เดือน ปรับ 4,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’

Share