คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5601/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องจำเลยสองข้อหา คือ ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายและข้อหาขายเมทแอมเฟตามีน การฟังข้อเท็จจริงในความผิดแต่ละข้อหาต้องแยกออกจากกันการที่ศาลยกฟ้องในข้อหาหนึ่งเนื่องจากพยานโจทก์ตกอยู่ในความสงสัย จึงหามีผลทำให้อีกข้อหาหนึ่งตกอยู่ในความสงสัยและมีพิรุธไปด้วยไม่ เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ขณะกำลังจะซุกเมทแอมเฟตามีนของกลางบริเวณกองขยะและเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวบรรจุหลอดดูดเครื่องดื่มปิดหัวท้ายแยกบรรจุหลอดละ 1 เม็ด จำนวน 2 หลอด หลอดละ 3 เม็ด จำนวน 1 หลอด และหลอดละ 4 เม็ดจำนวน 1 หลอด จึงเป็นเครื่องชี้เจตนาของผู้มีไว้ในครอบครองได้ว่า การแยกบรรจุหลอดเช่นนี้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการขาย หาใช่มีไว้ในครอบครองแต่อย่างเดียวไม่แม้โจทก์มิได้นำสืบว่าใครเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว ก็ไม่ทำให้น้ำหนักคำพยานโจทก์ที่ฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองต้องเสียไป เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยขายเมทแอมเฟตามีน ธนบัตรของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยได้กระทำผิด ชอบที่จะต้องส่งคืนแก่เจ้าของ ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้าง ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นวัตถุออกฤทธิ์ในประเภท 2 ไว้ในครอบครองจำนวน 10 เม็ด เพื่อขายให้บุคคลผู้มีชื่อ และจำเลยขายเมทแอมเฟตามีน1 เม็ด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเพื่อขายดังกล่าวแก่บุคคลผู้มีชื่อเป็นเงิน 70 บาท โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 5, 6, 13 ทวิ, 62, 89, 106,116 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91, 33 ริบเมทแอมเฟตามีนและธนบัตรของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 4, 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 62 วรรคหนึ่ง,89, 106 วรรคหนึ่ง, 116 จำคุก 5 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 จำคุก 3 ปี 9 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนและธนบัตรของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 4, 13 ทวิ วรรคหนึ่ง, 89, 116 ลงโทษจำคุก 5 ปี คำให้การรับสารภาพชั้นจับกุมและชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง ลดโทษให้หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี 9 เดือน ข้อหาอื่นให้ยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งพิจารณาและลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีคงมีปัญหาในชั้นฎีกาว่า จำเลยกระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 3 หรือไม่ จำเลยฎีกาโต้แย้งว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยได้ขายเมทแอมเฟตามีนแล้วในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อขายก็ย่อมมีความสงสัยและเป็นพิรุธ ข้อนี้เห็นว่า โจทก์ฟ้องจำเลยสองข้อหา คือ ข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองจำนวน 10 เม็ด เพื่อขาย และอีกข้อหาหนึ่งคือขายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว 1 เม็ด ให้แก่ผู้มีชื่อเป็นเงิน 70 บาท ซึ่งศาลอุทธรณ์ภาค 3ฟังว่า พยานโจทก์ตกอยู่ในความสงสัยว่าจำเลยได้ขายเมทแอมเฟตามีนตามฟ้องหรือไม่จึงยกฟ้องในข้อหาขายเมทแอมเฟตามีนแต่ข้อหามีไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น เชื่อว่าเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ขณะกำลังจะซุกเมทแอมเฟตามีนจำนวน 9 เม็ด บริเวณกองขยะ อันถือได้ว่าเป็นการฟังข้อเท็จจริงในความผิดแต่ละข้อหาแยกออกจากกัน การยกฟ้องในข้อหาหนึ่งจึงหามีผลทำให้อีกข้อหาหนึ่งตกอยู่ในความสงสัยและมีพิรุธไปด้วยดังจำเลยกล่าวอ้างแต่อย่างใดไม่ ส่วนที่จำเลยฎีกาว่า ความผิดในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้เพื่อขายนั้น โจทก์จะต้องนำสืบให้เห็นว่ายาเสพติดของกลางเป็นของใคร และใครเป็นผู้บรรจุหรือแบ่งใส่หลอดเพื่อขายข้อนี้เห็นว่า เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้แน่ชัดว่า เจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ขณะกำลังจะซุกเมทแอมเฟตามีนของกลางจำนวน 9 เม็ด บริเวณกองขยะ และเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวบรรจุหลอดดูดเครื่องดื่มปิดหัวท้ายแยกบรรจุหลอดละ 1 เม็ด จำนวน 2 หลอด หลอดละ 3 เม็ด จำนวน 1 หลอด และหลอดละ 4 เม็ด จำนวน 1 หลอด จึงเป็นเครื่องชี้เจตนาของผู้มีไว้ในครอบครองได้ว่าการแยกบรรจุหลอดเช่นนี้เป็นไปเพื่อวัตถุประสงค์ในการขาย หาใช่มีไว้ในครอบครองแต่อย่างเดียวดังจำเลยฎีกาโต้แย้งไม่ แม้โจทก์มิได้นำสืบว่าใครเป็นผู้แบ่งเมทแอมเฟตามีนของกลางใส่หลอดดังกล่าว ก็ไม่ทำให้น้ำหนักคำพยานโจทก์ที่ฟังได้ว่าจำเลยมีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองนั้นต้องเสียไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 ลงโทษจำเลยในข้อหามีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อขายนั้น ชอบแล้วและที่จำเลยฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยสถานเบาด้วยการรอการลงโทษและคุมความประพฤติของจำเลยไว้นั้น เห็นว่า ศาลล่างทั้งสองลงโทษจำเลยโดยลดโทษให้แล้วคงจำคุก 3 ปี9 เดือน นับว่าเหมาะสมกับพฤติการณ์แห่งคดีและเป็นคุณแก่จำเลยแล้ว ทั้งไม่อยู่ในหลักเกณฑ์ที่จะรอการลงโทษให้แก่จำเลยได้ จึงไม่มีเหตุที่จะเปลี่ยนแปลงแก้ไข ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น อนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องในข้อหาขายเมทแอมเฟตามีน แต่ยังคงสั่งริบธนบัตรของกลาง เมื่อคดีฟังไม่ได้ว่าจำเลยขายเมทแอมเฟตามีน ธนบัตรของกลางจึงมิใช่ทรัพย์สินที่ได้มาโดยกระทำความผิดชอบที่จะต้องสั่งคืนแก่เจ้าของ ศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จำเลยมิได้ยกขึ้นอ้างในชั้นนี้ ศาลฎีกาก็มีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบมาตรา 225”
พิพากษายืน ธนบัตรของกลางให้คืนเจ้าของ

Share