คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5335/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายและนางบ. เป็นสามีภริยากันโดยมีนางค. ซึ่งเป็นบุตรของนางบ.กับสามีเก่าพักอาศัยอยู่ด้วย นางค. คลอดผู้ร้องแล้วผู้ตายถึงแก่กรรม โดยผู้ตายมิได้เป็นผู้ไปแจ้งการเกิดผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะให้ผู้ตายรับผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของผู้ตายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555(4) นางค. พักอาศัยในฐานะที่เป็นบุตรสาวของนางบ. มิใช่ในฐานะภริยาของผู้ตาย การที่ผู้ร้องใช้นามสกุลของผู้ตายก็เพราะสูติบัตรของผู้ร้องระบุว่าผู้ร้องเป็นบุตรของผู้ตายกับนางบ. หาใช่เพราะผู้ตายยอมให้ใช้นามสกุลของตนเพราะเหตุที่ผู้ร้องเป็นบุตรของนางค.ไม่ จึงฟังไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าผู้ร้องเป็นบุตรผู้ตายที่เกิดจากนางค. ไม่มีเหตุที่จะให้ผู้ตายรับผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1555(7)

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์ ตะราษี
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกคำร้อง
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับว่า เด็กชายธ.เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์ ตะราษี
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังได้ว่า นายสมพงษ์และนางเบญจา ตะราษี เป็นสามีภริยากันโดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2530 ต่อมาในวันที่ 3 กรกฎาคม 2532 บุคคลทั้งสองจดทะเบียนหย่ากัน และในเดือนเดียวกันนั้นได้จดทะเบียนสมรสกันใหม่อีก นางแคทลียา ขุราษี เป็นบุตรของนางเบญจากับสามีเก่าที่เลิกร้างกันไปแล้ว นางแคทลียาพักอาศัยในบ้านเดียวกันกับนางเบญจาและนายสมพงษ์แล้วตั้งครรภ์และคลอดผู้ร้องเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2536 แต่สูติบัตรของผู้ร้องระบุว่านายสมพงษ์เป็นบิดา นางเบญจาเป็นมารดา ในวันที่ 20 พฤศจิกายน 2536 นายสมพงษ์ถึงแก่กรรมหลังจากนั้นนางแคทลียายื่นคำร้องขอแก้ชื่อมารดาของผู้ร้องจากชื่อนางเบญจาเป็นนางแคทลียา สำนักงานทะเบียนอำเภอธวัชบุรีอนุญาตให้แก้ไขชื่อมารดาของผู้ร้องจากนางเบญจาเป็นนางแคทลียาได้ตามสำเนาสูติบัตรเอกสารหมาย ร.1 คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า มีเหตุที่ศาลจะพิพากษาว่าผู้ร้องเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์ผู้ตายหรือไม่ โดยในคดีนี้ผู้ร้องอ้างเหตุในการฟ้องคดี 2 เหตุ คือเหตุที่มีหลักฐานว่า นายสมพงษ์เป็นผู้แจ้งการเกิดผู้ร้องโดยระบุว่าตนเป็นบิดา กับเหตุที่ว่ามีเหตุพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่าผู้ร้องเป็นบุตรนายสมพงษ์ จะได้วินิจฉัยไปเป็นลำดับ สำหรับในเหตุที่มีหลักฐานว่านายสมพงษ์เป็นผู้แจ้งการเกิดผู้ร้องโดยระบุว่าตนเป็นบิดานั้น ผู้ร้องมีนายมาศ สพลาภ ผู้ใหญ่บ้านมาเบิกความเป็นพยานว่า เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2536 นายสมพงษ์มาแจ้งการเกิดผู้ร้องโดยแจ้งว่าผู้ร้องเป็นบุตรของนายสมพงษ์ พยานตรวจสอบหลักฐานถูกต้องครบถ้วนแล้ว จึงรับแจ้งไว้ตามสำเนาใบรับแจ้งการเกิดเอกสารหมาย ร.5 แผ่นที่ 4 หลังจากนั้น พยานนำเรื่องไปติดต่อที่ว่าการอำเภอธวัชบุรี นายทะเบียนอำเภอธวัชบุรีออกสูติบัตรผู้ร้องให้ในวันที่ 17 มีนาคม 2536 โดยพยานเป็นผู้ไปรับสูติบัตรจากที่ว่าการอำเภอตามสำเนาสูติบัตรเอกสารหมาย ค.6 ฝ่ายผู้คัดค้านมีตัวผู้คัดค้านและนางนิภา ยศราวาส เจ้าพนักงานอำเภอเมืองสรวง จังหวัดร้อยเอ็ด มาเบิกความว่า รายละเอียดบางตอนในสูติบัตรเอกสารหมาย ร.1 มีข้อพิรุธที่แสดงว่า นายสมพงษ์มิได้ไปแจ้งการเกิดผู้ร้องแต่อย่างใด เห็นว่าตามมรณบัตรเอกสารหมาย ร.3 นายสมพงษ์มีหมายเลขประจำตัวประชาชนที่แท้จริงคือหมายเลข 3-4505-00228-02-8 แต่สำเนาใบรับแจ้งการเกิดเอกสารหมาย ร.5 แผ่นที่ 4 ในช่องที่ 3 บิดา ระบุว่า นายสมพงษ์มีหมายเลขประจำตัวประชาชนหมายเลข 01067151 คนละหมายเลขกัน แต่มีรอยขีดฆ่าหมายเลขดังกล่าวแล้วใส่หมายเลข 3450500 ไว้แทน และในช่องที่ 4 หลักฐานการแจ้งการเกิดก็ระบุว่าบัตรประจำตัวของผู้แจ้งเลขที่ 01067151 แต่มีการขีดฆ่าหมายเลขดังกล่าวโดยไม่มีการใส่หมายเลขอื่นไว้แทน แสดงว่าผู้แจ้งการเกิดผู้ร้องมีหมายเลขประจำตัวประชาชนเลขที่ 01067151 ส่วนสำเนาสูติบัตรเอกสารหมาย ร.1 และ ค.1 ซึ่งเป็นฉบับอัดสำเนาคาร์บอนด้วยกันในช่องที่ 4 ผู้แจ้งการเกิด ข้อที่ 4.8 ลงชื่อผู้แจ้งการเกิด เอกสารหมายร.1 มีลายมือชื่อลงไว้ แต่ในเอกสารหมาย ค.1 ไม่มีลายมือชื่อลงไว้แต่อย่างใดอันเป็นข้อพิรุธว่าเอกสารในการแจ้งการเกิดผู้ร้องมีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงข้อความในภายหลัง พยานของผู้คัดค้านมีน้ำหนักมากกว่าพยานของผู้ร้องน่าเชื่อว่านายสมพงษ์มิได้เป็นผู้ไปแจ้งการเกิดผู้ร้อง จึงไม่มีเหตุที่จะให้นายสมพงษ์รับผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1555(4) ได้ สำหรับเหตุที่ว่ามีพฤติการณ์ที่รู้กันอยู่ทั่วไปตลอดมาว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายสมพงษ์ เห็นว่า นางแคทลียาพักอาศัยในบ้านเดียวกันกับนางเบญจาและนายสมพงษ์ในฐานะที่เป็นบุตรสาวของนางเบญจา มิใช่ในฐานะเป็นภริยาของนายสมพงษ์ภาพถ่ายหมาย ร.4 ที่นายสมพงษ์อุ้มผู้ร้องก็เป็นเรื่องปกติธรรมดาที่บุคคลซึ่งอยู่บ้านเดียวกันมีการถ่ายรูปร่วมกัน การที่ผู้ร้องใช้นามสกุลของนายสมพงษ์ก็เพราะสูติบัตรของผู้ร้องระบุว่าผู้ร้องเป็นบุตรของนายสมพงษ์กับนางเบญจาซึ่งเป็นสามีภริยากันตามกฎหมายผู้ร้องจึงมีสิทธิใช้นามสกุลของนายสมพงษ์ หาใช่เพราะนายสมพงษ์ยอมให้ใช้นามสกุลของตน เพราะเหตุที่ผู้ร้องเป็นบุตรของนางแคทลียาไม่จึงฟังไม่ได้ว่ามีพฤติการณ์ที่รู้กันทั่วไปตลอดมาว่า ผู้ร้องเป็นบุตรของนายสมพงษ์ที่เกิดจากนางแคทลียา ไม่มีเหตุที่จะให้นายสมพงษ์รับผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1555(7) ได้เช่นเดียวกันที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้ผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของนายสมพงษ์นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้อง

Share