แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ประกาศกระทรวงการคลังเรื่องอัตราดอกเบี้ยเป็นข้อเท็จจริง ไม่ใช่ข้อกฎหมายแต่เป็นข้อเท็จจริงที่ต้องนำสืบ เมื่อโจทก์ไม่สืบโจทก์จึงไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยเกินไปจากอัตราปกติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 20 ต่อปี
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การ ไม่ขาดนัดพิจารณาแต่ไม่สืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์คิดดอกเบี้ยเกินร้อยละ 15 ต่อปีเป็นโมฆะโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยตามฟ้อง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 600,000 บาท แก่โจทก์ และให้เสียค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ สำหรับค่าขึ้นศาลให้เสียเท่าที่โจทก์ชนะคดีโดยกำหนดค่าทนายความหกร้อยบาท คำขอนอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงเป็นอันฟังยุติว่า จำเลยได้เป็นหนี้โจทก์อยู่ตามเอกสารหมาย จ. 3 จริง และหนี้จำนวนดังกล่าวนี้โจทก์ยังมิได้รับชำระ คดีคงมีปัญหาเพียงว่าอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี ที่โจทก์ฟ้องเรียกจากจำเลยตามข้อตกลงที่ระบุกันไว้ในสัญญาฉบับนี้ โจทก์มีสิทธิเรียกได้ในอัตราดังกล่าวหรือไม่ พิเคราะห์แล้วปรากฏข้อเท็จจริงตามทางนำสืบ ซึ่งโจทก์อ้างว่านางสาวสุนันท์ ศิลาสุวรรณ เป็นพยานปากเดียวเบิกความประกอบเอกสารสัญญากู้เงินหมาย จ. 3 ว่าจำเลยเป็นหนี้ต้นเงินกู้โจทก์อยู่หกแสนบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 20 ต่อปี สำหรับดอกเบี้ยนี้จำเลยได้ชำระให้แก่โจทก์บ้างแล้วเป็นบางส่วนหลังจากนั้นจำเลยก็ผิดนัดเรื่อยมา จึงจำต้องฟ้องบังคับให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยที่ยังค้างชำระแก่โจทก์
จากทางนำสืบดังกล่าวจึงเห็นได้ว่าเป็นเรื่องโจทก์ยืนยันข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในเอกสารหมาย จ. 3 เท่านั้น ส่วนปัญหาที่ว่า โจทก์มีสิทธิพิเศษอย่างไรจึงเรียกดอกเบี้ยได้เกินไปจากอัตราปกติตามที่กฎหมายบัญญัติไว้ โจทก์หาได้อ้างอิงหลักฐานมาสืบแสดงให้ปรากฏไม่ ดังนั้น แม้ความจริงจะมีประกาศของกระทรวงการคลังให้โจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ในอัตราดังกล่าวตามที่โจทก์ฎีกาก็ตาม ประกาศของทางราชการในลักษณะเช่นนี้ก็หาใช่ข้อกฎหมายอันถือเป็นเรื่องที่ศาลจะรับรู้เองได้ไม่ แต่เป็นข้อเท็จจริงอย่างหนึ่งที่คู่ความมีหน้าที่จะต้องนำสืบ เมื่อทางพิจารณาโจทก์ไม่สืบแสดงให้ความข้อนี้ปรากฏ ทั้งมิใช่เป็นข้อเท็จจริงที่ศาลรับรู้ได้เองแล้วเช่นนี้ คดีจึงฟังไม่ได้ว่าโจทก์มีสิทธิเรียกดอกเบี้ยได้ถึงอัตราร้อยละ 20 ต่อปี อันเกินไปจากอัตราปกติตามที่กฎหมายกำหนด ทั้งเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนอีกด้วย อย่างไรก็ดีการที่จำเลยตกเป็นผู้ผิดนัดในการชำระหนี้ โจทก์ย่อมมีสิทธิคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 เศษ 1 ส่วน 2 ต่อปี ในระหว่างเวลาผิดนัดตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ7 เศษ 1 ส่วน 2 ต่อปีแก่โจทก์นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ’.