คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4498/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

แม้ตรวจพบว่ามีการอักเสบของตับ แต่ตามรายงานการตรวจของแพทย์ได้แนะนำให้รับการวินิจฉัยต่อไป แสดงว่ายังไม่แน่ชัดว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคตับอักเสบหรือไม่จึงฟังไม่ได้ว่าผู้ตายทราบว่าตนป่วยเป็นโรคตับอักเสบ ดังนั้น การที่ผู้ตายมิได้แจ้งผลการตรวจโรคดังกล่าวในแบบสอบถามของจำเลย จึงมิใช่กรณีผู้ตายรู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจจำเลยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้น หรือบอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก สัญญาประกันชีวิตไม่เป็นโมฆียะจำเลยไม่มีสิทธิบอกล้าง โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า ผู้ตายประสบอุบัติเหตุหกล้มศีรษะกระแทกพื้นและเสียชีวิตจำเลยให้การเพียงว่า ผู้ตายปกปิดข้อเท็จจริงที่ตนทราบมาก่อนว่าเป็นโรคตับ สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ โดยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือโต้แย้งเรื่องผู้ตายประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใด จึงเป็นข้อที่มิได้ว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้นที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นผู้รับประโยชน์ตามกรมธรรม์ประกันชีวิตของนายชัชชัย ปฐมภควันต์ จำเลยได้ตกลงรับประกันชีวิตของนายชัชชัยในวงเงิน 300,000 บาท และวงเงินคุ้มครองอุบัติเหตุอีก 300,000 บาท ซึ่งหากผู้เอาประกันถึงแก่กรรมโดยอุบัติเหตุจะได้รับความคุ้มครองเป็นเงินจำนวน 600,000 บาท ต่อมานายชัชชัยประสบอุบัติเหตุสะดุดขอบพรมปูพื้นหกล้มศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรงและได้เสียชีวิต จำเลยปฏิเสธไม่ชำระค่าสินไหมทดแทนตามสัญญาประกันชีวิตให้โจทก์ทั้งสี่ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า ก่อนทำสัญญาประกันชีวิตผู้ตายปกปิดไม่แจ้งความจริงว่าเป็นโรคตับและความดันโลหิตสูงซึ่งถือเป็นสาระสำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของกรมธรรม์ประกันชีวิตให้จำเลยทราบในวันทำสัญญา สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะตามกฎหมายและจำเลยได้ใช้สิทธิบอกล้างสัญญาภายในกำหนดแล้ว จำเลยจึงไม่มีหน้าที่ต้องชำระค่าสินไหมทดแทนพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ทั้งสี่ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 600,000 บาท พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยประการแรกว่าจำเลยมีสิทธิบอกล้างสัญญาประกันชีวิตตามฟ้องหรือไม่ จำเลยนำสืบว่า ก่อนเอาประกันชีวิตผู้ตายเคยไปตรวจวินิจฉัยโรคที่โรงพยาบาลนนทเวช ผลการตรวจปรากฏว่ามีน้ำตาลสูง กรดยูริกสูง คอเลสเทอรอลสูง และมีอาการตับอักเสบ แต่ผู้ตายกลับไม่แจ้งผลการตรวจวินิจฉัยโรคดังกล่าวในแบบสอบถามเป็นการปกปิดข้อเท็จจริงซึ่งถือว่าเป็นสาระสำคัญสัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆียะ โดยมีนายรุทร รุทรวณิช แพทย์ประจำโรงพยาบาลนนทเวชผู้ตรวจร่างกายผู้ตายมาเบิกความเป็นพยานว่า ผู้ตายเข้ารับการตรวจโรคที่โรงพยาบาล โดยตรวจวัดความดัน ตรวจเลือด เอกซเรย์ปอด และตรวจกล้ามเนื้อหัวใจ ผลการตรวจปรากฏว่าน้ำตาลสูงเล็กน้อย ไขมันสูงเล็กน้อย กรดยูริกสูง และคอเลสเทอรอลสูงพอสมควร และในวันรุ่งขึ้นผู้ตายได้รับการตรวจโดยวิธีอุลตราซาวด์ผลปรากฏว่าตับโตเล็กน้อยและมีเงาเหมือนไขมันแทรกตัวอยู่ในตับ แพทย์ผู้อ่านฟิล์มเอกซเรย์แนะนำว่า ควรที่จะทำเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ เพื่อทราบรายละเอียดให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ปรากฏตามรายงานการตรวจร่างกายเอกสารหมาย ล.6 และคำแปลเอกสารหมาย ล.23 ศาลฎีกาตรวจดูเอกสาร 2 ฉบับ ดังกล่าวแล้ว ปรากฏว่าโรงพยาบาลนนทเวชได้ตรวจเลือดของผู้ตายเพื่อหาน้ำตาล เบาหวาน คอเลสเทอรอล กรดยูริก และตับอักเสบพบว่าเบาหวาน (ไต) อยู่ในระดับปกตินอกนั้นเกินระดับปกติเพียงเล็กน้อยในเอกสารดังกล่าวไม่มีระบุว่าผู้ตายเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคอื่นแต่อย่างใด และจากตรวจด้วยวิธีดังกล่าวก็ได้ความว่า ตับอ่อนและไตสองข้างรวมทั้งม้ามปกติ และจากการเอกซเรย์หน้าอก แพทย์ก็วินิจฉัยไว้ว่าโรคร้ายแรงเกี่ยวกับคาร์ดิโอปอดไม่ปรากฏอีกทั้งนายแพทย์รุทรพยานจำเลยได้เบิกความตอบทนายโจทก์ถามค้านว่า พยานเป็นผู้ตรวจสุขภาพของผู้ตายแต่เมื่อตรวจแล้วก็ไม่ได้จ่ายยาให้ผู้ตาย และผู้ตายก็ไม่ได้เข้าพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลนนทเวช สำหรับคอเลสเทอรอลที่สูงกว่าปกติเล็กน้อยนั้น ยังไม่จำเป็นต้องจ่ายยาให้แก่ผู้ตาย เนื่องจากยังสามารถให้ผู้ตายออกกำลังกายควบคุมอาหารลดคอเลสเทอรอลได้และผลการตรวจรายงานตามเอกสารหมาย ล.6 และ ล.23 ผู้ตายมีความดันโลหิตปกติจากคำเบิกความของแพทย์ผู้ตรวจร่างกายผู้ตายดังกล่าวจะเห็นได้ว่าแพทย์ไม่ได้ระบุว่าผู้ตายเป็นโรคความดันโลหิตสูงและโรคอื่น ๆ ผู้ตายจึงไม่ได้รับการจ่ายยาเพื่อรักษาโรคแต่อย่างใด แม้ว่าจากการตรวจด้วยเอกซเรย์ อุลตราซาวด์ช่องท้องส่วนบน พบว่ามีการอักเสบของตับตามเอกสารหมาย ล.23 แต่ตามรายงานผลการตรวจดังกล่าวแพทย์ได้แนะนำให้รับการวินิจฉัยต่อไปแสดงว่ายังไม่แน่ชัดว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคตับอักเสบหรือไม่ จึงยังฟังไม่ได้ว่าผู้ตายทราบว่าตนป่วยเป็นโรคตับอักเสบ ดังนั้น การที่ผู้ตายไม่ได้แจ้งผลการตรวจวินิจฉัยโรคดังกล่าวในแบบสอบถามของจำเลย จึงมิใช่กรณีที่ผู้ตายรู้อยู่แล้วละเว้นเสียไม่เปิดเผยข้อความจริงซึ่งอาจจะได้จูงใจ จำเลยให้เรียกเบี้ยประกันสูงขึ้น หรือให้บอกปัดไม่ยอมทำสัญญาตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 865 วรรคแรก สัญญาประกันชีวิตตามฟ้องจึงสมบูรณ์ไม่เป็นโมฆียะจำเลยไม่มีสิทธิบอกล้าง ฎีกาของจำเลยข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ปัญหาวินิจฉัยประการต่อไป จำเลยต้องชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันภัยให้โจทก์เพียงใด โดยจำเลยฎีกาว่า ตามหนังสือรับรองการตายของผู้ตาย เอกสารหมาย ล.5ระบุสาเหตุการตายว่าหัวใจวาย ไม่มีข้อความระบุไว้เลยว่า สมองร้าว หรือได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงจนเป็นเหตุให้เลือดคั่งในสมอง ชี้ให้เห็นว่า ผู้ตายมิได้ถึงแก่ความตายด้วยอุบัติเหตุและโจทก์มิได้นำแพทย์ผู้รักษาผู้ตายก่อนตายมาเบิกความยืนยันว่าผู้ตายเสียชีวิตเนื่องจากอุบัติเหตุ ผู้ตายจึงไม่ได้รับความคุ้มครองจากสัญญาเพิ่มเติมผลประโยชน์อันเนื่องจากอุบัติเหตุอีก 300,000 บาท อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ตายปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสุขภาพและความเจ็บป่วย สัญญาประกันชีวิตจึงตกเป็นโมฆะจำเลยจึงไม่ต้องรับผิดใช้เงิน 600,000 บาท ให้โจทก์ทั้งสี่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่าผู้ตายประสบอุบัติเหตุสะดุดขอบพรมหกล้มศีรษะกระแทกพื้นและได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาจำเลยต้องรับผิดชำระเงินตามกรมธรรม์ประกันชีวิตให้โจทก์ทั้งสี่ ปรากฏว่าจำเลยให้การสู้คดีแต่เพียงว่าผู้ตายปกปิดข้อเท็จจริงที่ตนทราบมาก่อนว่าเป็นโรคตับมีคอเลสเทอรอลในกระแสเลือดสูงซึ่งมีผลทำให้เกิดความดันโลหิตสูง เป็นเหตุให้สัญญาประกันชีวิตตกเป็นโมฆียะ จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือโต้แย้งเรื่องผู้ตายประสบอุบัติเหตุแต่อย่างใดจึงเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ที่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้จึงชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share