คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2587/2533

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ทำการโอนที่ดินและตึกแถวให้แก่ผู้คัดค้านภายในสามเดือน ก่อนโจทก์ฟ้องขอให้ลูกหนี้ล้มละลายก็ตามแต่ การโอนที่ดินและตึกแถวแก่ผู้คัดค้านดังกล่าวเป็นการโอนที่สืบเนื่องมาจากลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ได้ ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกแถวให้ผู้คัดค้านไว้ตั้งแต่ ก่อนโจทก์ฟ้องให้ลูกหนี้ (จำเลย)ทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลายประมาณ 2 ปีเศษ โดย ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1จะต้อง โอนที่ดินและตึกแถวแก่ผู้คัดค้านเมื่อสร้างเสร็จ ผู้คัดค้านชำระราคาแล้ว 200,000 บาท ยังเหลืออีก 200,000 บาท แต่ เมื่อสร้างเสร็จแล้วลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 นำที่ดินและตึกแถวไปจำนองบริษัท เครดิตฟองซิเอร์เอเซีย จำกัด ไว้ และไม่สามารถไถ่ถอนจำนองมาเพื่อโอนให้แก่ผู้คัดค้านได้ ฝ่ายผู้คัดค้านจึงได้ ชำระหนี้แทนลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1300,000 บาท เพื่อไถ่ถอนจำนอง ทำให้ผู้คัดค้านต้อง เสียค่าโอนเกินกว่าที่สัญญากำหนดถึง 100,000 บาทการโอนดังกล่าวเป็นการโอนตาม สัญญาที่ลูกหนี้จำต้องโอนให้ผู้คัดค้านอยู่แล้ว ซึ่ง ราคาที่ดินและตึกแถวที่ผู้คัดค้านรับโอนนั้นก็ใกล้เคียงกับราคาที่เจ้าพนักงานประเมินราคาทรัพย์ของกรมบังคับคดีประเมินไว้ในปี 2529 เป็นเงิน 545,300 บาท แต่ ปรากฏว่าผู้คัดค้านรับโอนในปี 2524 ก่อนการประเมินถึง 5 ปี แสดงว่าราคาขณะรับโอนนั้นผู้รับโอนได้ รับโอนในราคาที่สูงกว่าปกติ พฤติการณ์ดังกล่าวไม่มีข้อเท็จจริงใด ส่อแสดงว่าลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องจึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนตาม มาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้ .

ย่อยาว

ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและตึกแถวแก่ผู้คัดค้าน อันเป็นการจดทะเบียนโอนภายในเวลา 3 เดือน ก่อนมีการขอให้ลูกหนี้ (จำเลย) ทั้งสองล้มละลายโดยมุ่งหมายให้ผู้รับโอนได้เปรียบเจ้าหนี้อื่น จึงขอให้สั่งเพิกถอน
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกแถวกำหนดราคาไว้ 400,000 บาท ผู้คัดค้านชำระแล้ว 200,000 บาทแต่ก่อนจะได้รับโอนมาผู้คัดค้านต้องชำระเงินไถ่ถอนจำนองในนามลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 เป็นเงิน 300,000 บาท รวมแล้วเป็นเงิน500,000 บาท ผู้คัดค้านรับโอนที่ดินและตึกแถวพิพาทมาโดยสุจริตเสียค่าตอบแทนและมิได้มีเจตนามุ่งหมายให้ได้เปรียบเจ้าหนี้อื่นขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า อาศัยอำนาจตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 115 ให้เพิกถอนการจดทะเบียนโอนการซื้อขายที่ดินโฉนดเลขที่ 88902 แขวงลาดยาว เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร และสิ่งปลูกสร้างตึกแถวห้องเลขที่ 1064/118ระหว่างลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ผู้โอนกับนางลักสนา ศรีเสน ผู้รับโอน(ผู้คัดค้าน) ตามสัญญาลงวันที่ 28 เมษายน 2524 โดยให้คู่กรณีกลับคืนสู่ฐานะเดิม หากไม่อาจกระทำได้ให้ผู้รับโอน (ผู้คัดค้าน) ชำระราคาเป็นเงินจำนวน 545,300 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันยื่นคำร้อง (วันที่ 3 มิถุนายน 2529) เป็นต้นไปจนถึงวันชำระเงินเสร็จแก่เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์เพื่อนำเข้ากองทรัพย์สินของห้างจำเลยที่ 1
ผู้คัดค้านอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงได้ความว่าโจทก์ฟ้องจำเลยทั้งสองต่อศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2524ขอให้จำเลยทั้งสองเป็นบุคคลล้มละลาย ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้พิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งสองเด็ดขาด เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2524แต่เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2524 จำเลยทั้งสองได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ 88902 แขวงลาดยาว เขตบางเขนกรุงเทพมหานคร พร้อมตึกแถวเลขที่ 1064/118 ของลูกหนี้ (จำเลย)ที่ 1 ให้แก่ผู้คัดค้าน ตามสัญญาจะซื้อขายลงวันที่ 10 กันยายน 2521ที่นายบุญมา สุขวาณิชย์ดำรง อดีตหุ้นส่วนผู้จัดการของลูกหนี้(จำเลย) ที่ 1 ทำไว้กับนายถวิล ศรีเสน สามีของผู้คัดค้านในราคา400,000 บาท นายถวิลชำระราคาที่ดินในวันทำสัญญาให้แก่ลูกหนี้(จำเลย) ที่ 1 แล้ว 200,000 บาท และในวันโอนกรรมสิทธิ์นายถวิลได้ชำระเงินแทนลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ให้แก่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์เอเซีย จำกัด จำนวน 300,000 บาท เพื่อไถ่ถอนการจำนองที่ดินและตึกแถวดังกล่าวที่ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 จดทะเบียนจำนองไว้ต่อบริษัทดังกล่าว อันเป็นการที่ลูกหนี้โอนทรัพย์สินในระหว่างระยะเวลาสามเดือน ก่อนมีการฟ้องขอให้ล้มละลาย ลูกหนี้ทั้งสองเป็นหนี้เจ้าหนี้รายอื่น 7 ราย รวมยอดหนี้ที่เจ้าหนี้ทั้ง7 ราย ร้องขอรับชำระหนี้ไว้จำนวน 8,000,000 บาทเศษ แต่รวมรวมทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองได้เพียง 90,000 บาทเศษ นางสาวนฤมลลิ้มพาณิชย์ เจ้าพนักงานประเมินราคาทรัพย์ ประเมินราคาที่ดินและตึกแถวพิพาทไว้ในปี พ.ศ. 2529 ว่ามีราคา 545,300 บาท
พิเคราะห์แล้ว คดีมีประเด็นจะต้องวินิจฉัยว่าการที่ลูกหนี้โอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างให้ผู้คัดค้านนั้นเป็นการโอนโดยลูกหนี้มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่ เจ้าหนี้อื่นหรือไม่ เห็นว่าการโอนดังกล่าวสืบเนื่องมาจากลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกแถวให้ผู้คัดค้านไว้ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน2521 สัญญานี้ผูกพันลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ที่จะต้องโอนที่ดินและตึกแถวให้แก่ผู้คัดค้านเมื่อสร้างเสร็จ แต่ปรากฏว่าเมื่อลูกหนี้(จำเลย) ที่ 1 สร้างเสร็จแล้วไม่สามารถโอนให้ผู้คัดค้านได้เนื่องจากลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 นำไปจำนองไว้แก่บริษัทเครดิตฟองซิเอร์เอเซีย จำกัด และไม่สามารถไถ่ถอนจำนองเพื่อโอนให้ผู้คัดค้านได้ เป็นเหตุให้ผู้คัดค้านต้องไปไถ่ถอนจำนองเองเสียก่อนจึงรับโอนมาได้ การโอนดังกล่าวจึงเป็นการโอนตามสัญญาซึ่งลูกหนี้จำต้องปฏิบัติตามสัญญาโอนให้ผู้คัดค้านอยู่แล้ว ทั้งการโอนนั้นหากลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 สามารถไถ่ถอนจำนองด้วยตนเองลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 จะต้องไถ่ถอนถึง 300,000 บาท แต่จะได้รับค่าตอบแทนจากผู้รับโอนเพียง 200,000 บาท เท่าราคาซื้อขายที่คงค้างชำระตามสัญญาเท่านั้น การที่ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ยอมให้ผู้คัดค้านรับโอนไปตามสิทธิที่ผูกพันอยู่โดยสัญญาและผู้คัดค้านซึ่งเป็นผู้รับโอนต้องเสียค่าโอนเกินกว่าที่สัญญากำหนดด้วย100,000 บาท ถือไม่ได้ว่าลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 มุ่งให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น อนึ่ง ปรากฏจากคำให้การของนายถวิลศรีเสน คู่สัญญากับลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 เกี่ยวกับการโอนรายนี้ในชั้นสอบสวนของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ว่าผู้ที่ทำสัญญาจะซื้อขายที่ดินและตึกแถวห้องอื่น แต่เป็นตึกแถวรายเดียวกันนี้ ก็ต้องรับโอนโดยการไถ่ถอนจำนองและต้องเสียเงินเกินกว่าที่สัญญากำหนดไว้จึงจะรับโอนได้เช่นเดียวกัน เพียงแต่รายของเจ้าหนี้ผู้เป็นโจทก์ลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 ไม่สามารถโอนให้ได้เพราะลูกหนี้ (จำเลย)ที่ 1 นำไปขายให้บุคคลภายนอกไปเท่านั้น พฤติการณ์ของลูกหนี้(จำเลย) ที่ จึงหาได้บ่งชี้ไม่ว่าลูกหนี้ (จำเลย) ที่ 1 มุ่งหมายให้ผู้รับโอนทุกรายได้เปรียบเหนือเจ้าหนี้อื่น อีกประการหนึ่งราคาที่ดินที่นางสาวนฤมล ลิ้มพาณิชย์ เจ้าพนักงานประเมินราคาทรัพย์ของกรมบังคับคดี ประเมินราคาที่ดินและตึกแถวรายนี้ในปี พ.ศ. 2529ว่า มีราคา 545,300 บาท ตามเอกสารหมาย ร/1 ซึ่งเป็นราคาใกล้เคียงกับราคาที่ผู้คัดค้านรับโอน แต่ผู้คัดค้านรับโอนในปี 2524ก่อนหน้าการประเมินถึง 5 ปี แสดงว่าราคาขณะรับโอนนั้นผู้รับโอนได้รับโอนในราคาสูงกว่าปกติ จึงไม่มีข้อเท็จจริงใดส่อแสดงว่าลูกหนี้ (จำเลย ที่ 1 มุ่งหมายให้ผู้คัดค้านได้เปรียบแก่เจ้าหนี้อื่น เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้องจึงไม่อาจร้องขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินตามมาตรา 115 แห่งพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ได้ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยมาไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น ประเด็นอื่นไม่จำต้องวินิจฉัย
พิพากษากลับ ให้ยกคำร้องของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้ร้อง.

Share