แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ความผิดฐาน ดำรงชีพ จากรายได้ของหญิงซึ่ง ค้าประเวณีตามป.อ. มาตรา 286 นั้น จะต้อง ได้ความว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพจึงจะลงโทษจำเลยได้ เมื่อโจทก์นำสืบได้ แต่ เพียงว่าจำเลยได้รับเงิน ค่าบริการจากหญิงซึ่ง ค้าประเวณีเท่านั้น โดย ไม่ นำสืบให้เห็นว่า จำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัย อันพอเพียงสำหรับดำรงชีพ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด ฐาน ดำรงชีพ อยู่ จากรายได้ของหญิงซึ่ง ค้าประเวณี.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286, 91พระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286, 91ลงโทษตามพระราชบัญญัติปรามการค้าประเวณี พ.ศ. 2503 มาตรา 8จำคุก 2 เดือน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 จำคุก 8 ปีลดโทษให้หนึ่งในสาม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 แล้ว จำคุก5 ปี 5 เดือน 10 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286 นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาว่าจำเลยดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 286หรือไม่ เห็นว่า ความผิดฐานดำรงชีพจากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณีตามมาตรานี้นั้น จะต้องได้ความว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพ หรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพจึงจะลงโทษจำเลยได้ เมื่อโจทก์นำสืบได้แต่เพียงว่าจำเลยรับเงินค่าบริการจากนางสาวจันทร์เป็ง และนางสาวอำไพ ซึ่งทำการค้าประเวณีเท่านั้น โดยไม่นำสืบให้เห็นว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพหรือไม่มีปัจจัยอันพอเพียงสำหรับดำรงชีพทั้งจำเลยเคยให้การไว้ในชั้นสอบสวนและเบิกความในชั้นศาลว่าเป็นพนักงานรับใช้ในโรงแรมและร้านอาหาร มีเงินเดือนเดือนละ2,000 บาท กับอาศัยอยู่ที่โรงแรมที่ดำเนินการโดยนางนิตยาซึ่งเป็นญาติกัน ข้อเท็จจริงจึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยไม่มีปัจจัยอย่างอื่นอันปรากฏสำหรับดำรงชีพหรือไม่มีปัจจัยพอเพียงสำหรับดำรงชีพการกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานดำรงชีพอยู่จากรายได้ของหญิงซึ่งค้าประเวณี…”
พิพากษายืน.