คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1256/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้เสียหายไปพบจำเลย และพูดต่อว่าเรื่องโคของจำเลยกินต้นยางของผู้เสียหาย ให้จำเลยใช้ เงิน จำเลยไม่ให้ เกิดโต้เถียง กันผู้เสียหายว่าไม่ให้จะเอาตาย และชักมีดปลายแหลมเดิน เข้าหาจำเลยในระยะประมาณ 3 วา เพื่อจะแทงจำเลย จำเลยพิการขาขวาด้วนนั่งอยู่บนแคร่จะขยับตัว หนีย่อมไม่ทัน ในภาวะเช่นนี้นับว่าเป็นภยันตรายซึ่ง เกิด จากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อ กฎหมาย และเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึง จำเลยยิงผู้เสียหาย 1 นัด กระสุนปืนถูก ผู้เสียหายบริเวณไหล่ซ้าย ดังนี้จำเลยกระทำพอสมควรแก่เหตุ จึงเป็นการป้องกันโดย ชอบด้วย กฎหมาย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้อง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 80, 91พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา288, 80, 91 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7, 72ให้เรียงกระทงลงโทษ โดยให้จำคุกฐานพยายามฆ่าผู้อื่น 10 ปีฐานมีอาวุธปืน 1 ปี รวมโทษทั้งสองกระทงคงให้จำคุกกำหนด 11 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา 72 วรรคแรก นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ผู้เสียหายไปพบจำเลยนั่งบนแคร่ใต้ถุนบ้าน จึงพูดต่อว่าเรื่องโคของจำเลยไปกินต้นยางของผู้เสียหาย ให้จำเลยใช้เงิน 500 บาท จำเลยไม่ให้เกิดโต้เถียงกัน ผู้เสียหายว่าไม่ให้จะเอาตาย และชักมีดปลายแหลมเดินเข้าหาจำเลยในระยะประมาณ 3 วา จำเลยจึงร้องห้ามและหยิบอาวุธปืนที่วางข้างตัวยิงไป 1 นัด ผู้เสียหายจึงได้หนีไปศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยพิการขาขวาด้วนจะลุกยืนต้องมีไม้ค้ำ การที่ผู้เสียหายถือมีดปลายแหลมคมมีดยาวประมาณ 1 คืบ กว้าง 3 นิ้วเข้ามาในระยะ 3 วา เพื่อจะแทงจำเลย จำเลยจะขยับตัวหนีย่อมไม่ทัน ในภาวะเช่นนี้นับว่าเป็นภยันตรายซึ่งเกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและเป็นภยันตรายที่ใกล้จะถึงจำเลยยิงไปเพียง 1 นัด พอสมควรแก่เหตุเป็นการป้องกันโดยชอบด้วยกฎหมาย จำเลยจึงไม่มีความผิด…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์ข้อหาฐานพยายามฆ่าผู้อื่นนอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share