แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
เงินบำเหน็จตาม ข้อบังคับองค์การทอผ้าว่าด้วยกองทุนบำเหน็จพ.ศ. 2521 เป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานที่ออกจากงาน มิใช่เงินที่จำเลยจ่ายให้พนักงานประจำเพื่อตอบแทนการทำงานของพนักงานประจำเป็นรายวัน ถือ ไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างตาม ข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จของจำเลย เงินบำเหน็จจึงไม่มีลักษณะเช่นเดียว กับค่าจ้าง สิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่นจึงมีสิทธิเรียกร้องได้ ภายใน 10 ปีตาม ป.พ.พ. มาตรา 164.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้พิพากษาบังคับให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จส่วนที่ขาดจำนวน 2,400 บาทแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า คดีโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ในวันนัดพิจารณา โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงกันว่าจำเลยจ่ายเงินค่าครองชีพให้แก่โจทก์พร้อมกับค่าจ้างประจำเดือนศาลแรงงานกลางเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้โดยไม่ต้องสืบพยาน จึงให้งดสืบพยานทั้งสองฝ่าย
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายเงินบำเหน็จที่ขาดอีก2,400 บาทให้แก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “…จำเลยอุทธรณ์ข้อสุดท้ายว่า เงินบำเหน็จมีลักษณะเช่นเดียวกับค่าจ้าง โจทก์ฟ้องคดีเกิน 2 ปีจึงขาดอายุความ เห็นว่า ตามข้อบังคับองค์การทอผ้าว่าด้วยกองทุนบำเหน็จ พ.ศ. 2521 ข้อ 3.1 นิยามคำว่า กองทุนบำเหน็จหมายความว่า เงินที่องค์การทอผ้าสะสมไว้เป็นกองทุนเพื่อจ่ายให้แก่พนักงานที่ออกจากงานตามข้อ 8. เงินบำเหน็จจึงเป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้แก่พนักงานที่ออกจากงาน จึงมิใช่เป็นเงินที่จำเลยจ่ายให้พนักงานประจำเพื่อตอบแทนการทำงานของพนักงานประจำเป็นรายวันถือไม่ได้ว่าเป็นค่าจ้างตามข้อบังคับว่าด้วยกองทุนบำเหน็จของจำเลยเงินบำเหน็จจึงไม่มีลักษณะเช่นเดียวกับค่าจ้าง สิทธิเรียกร้องเงินบำเหน็จไม่มีกฎหมายบัญญัติไว้เป็นอย่างอื่น โจทก์มีสิทธิเรียกร้องได้ภายใน 10 ปี ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 164 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ลาออกวันที่ 1 ตุลาคม2526 นับถึงวันฟ้องไม่เกิน 10 ปี คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความศาลแรงงานกลางพิพากษาชอบแล้ว อุทธรณ์จำเลยทั้งสองข้อฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.