คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3825/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อเท็จจริงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 ขับรถมาถึงสี่แยกก่อนจำเลยที่ 1 หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยถึงถึงกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ 2 จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 71(2)
การขับรถในกรณีที่ผู้ขับขี่ต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยก ซึ่งทั้งสี่มุมเป็นบ้านพักอาศัยซึ่งรั้วบ้านสูงจนผู้ขับขี่ไม่สามารถเห็นรถที่อยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ผู้ขับขี่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ.2522 มาตรา 70 ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วม ทางแยกทางข้ามเส้นให้หยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ” ดังนั้น การที่จำเลยที่ 2 ขับรถผ่านสี่แยกดังกล่าวโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยก ไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ 2ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ 1 ขับตรงสี่แยกเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ 2 ย่อมมีความผิด

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองต่างขับรถผ่านสี่แยกด้วยความเร็วสูงโดยมิได้ลดความเร็วและมิได้ให้แตรสัญญาณ รถที่จำเลยทั้งสองขับจึงชนกันที่สี่แยกดังกล่าวได้รับความเสียหาย เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บสาหัส ขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑,๓๐๐, ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓(๔), ๗๐, ๑๔๘, ๑๕๗พระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๓, ๑๕๑
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสอง
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๒ มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๐, ๑๔๘ และพระราชบัญญัติการขนส่งทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๙๓, ๑๕๑ ลงโทษปรับรวม ๒,๒๐๐ บาท ข้อหาอื่นยก นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ ๒ โต้เถียงฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ขับรถมาถึงสี่แยกก่อนจำเลยที่ ๑ หรือขับรถผ่านสี่แยกจนตัวรถเลยกึ่งกลางสี่แยกไปแล้ว แม้จำเลยที่ ๒ จะขับรถอยู่ด้านซ้ายของจำเลยที่ ๑ จำเลยที่ ๒ ก็ไม่ได้รับความคุ้มครองตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๑(๒) ซึ่งบัญญัติว่า “ถ้ามาถึงทางร่วมทางแยกพร้อมกันและไม่มีรถอยู่ในทางร่วมทางแยก ผู้ขับขี่ต้องให้รถที่อยู่ทางด้านซ้ายของตนผ่านไปก่อน”
คดีนี้เป็นเรื่องจำเลยทั้งสองต่างขับรถอยู่ในถนนซอยในหมู่บ้านและกำลังจะผ่านสี่แยกซึ่งถนนทั้งสองสายตัดกัน การขับรถในกรณีนี้ผู้ขับขี่ต้องอยู่ในบังคับของพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๐ ซึ่งบัญญัติว่า “ผู้ขับขี่ซึ่งขับรถเข้าใกล้ทางร่วมทางแยก ทางข้ามเส้นให้รถหยุดหรือวงเวียน ต้องลดความเร็วของรถ” ดังนั้น การที่จำเลยที่ ๒ ขับรถผ่านสี่แยกโดยมิได้ลดความเร็วของรถและมิได้ให้แตรสัญญาณก่อนขับรถผ่านสี่แยก ทั้งที่บริเวณสี่แยกไม่มีเครื่องหมายการจราจร และไม่สามารถเห็นรถซึ่งอยู่ในทางร่วมทางแยกด้านอื่น ถือว่าเป็นการขับรถโดยประมาท เมื่อรถซึ่งจำเลยที่ ๒ ขับชนกับรถซึ่งจำเลยที่ ๑ ขับตรงสี่แยก เป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายแก่กายและถึงแก่ความตาย จำเลยที่ ๒ ย่อมมีความผิด
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า ให้บังคับคดีสำหรับจำเลยที่ ๒ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share