คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3951/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

การรับรองให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงตาม ป.วิ.อ.มาตรา 193 ตรี กฎหมายมอบให้เป็นดุลพินิจอันเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นที่จะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้อุทธรณ์หรือไม่ เมื่อสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาอีกหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. 2522มาตรา 43, 47, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องให้ลงโทษปรับ500 บาท
จำเลยอุทธรณ์ พร้อมทั้งยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งคำร้องของจำเลยว่ายังไม่สมควรอนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง ให้ยกคำร้องและสั่งไม่รับอุทธรณ์
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้อุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลอุทธรณ์มีคำสั่งว่าไม่มีเหตุที่จะรับอุทธรณ์ของจำเลยไว้ให้ยกคำร้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในปัญหาที่ว่า ในคดีซึ่งต้องห้ามอุทธรณ์ในปัญหาข้อเท็จจริงและผู้พิพากษาดังที่ระบุไว้ในประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 193 ตรี ได้มีคำสั่งไม่อนุญาตให้อุทธรณ์โดยพิเคราะห์เห็นว่า ไม่มีเหตุสมควรอนุญาตเช่นนี้ จะถือว่าเป็นดุลพินิจที่เด็ดขาด หรือว่าศาลอุทธรณ์ยังมีอำนาจพิเคราะห์อีกชั้นหนึ่งว่าเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์หรือไม่ ได้พิจารณาปัญหานี้แล้วเห็นว่า ตามบทบัญญัติแห่งมาตรา 193 ตรี นั้น กฎหมายมอบให้เป็นดุลพินิจอันเด็ดขาดของผู้พิพากษาผู้พิจารณาหรือลงชื่อในคำพิพากษา หรือทำความเห็นแย้งในศาลชั้นต้นที่จะใช้ดุลพินิจอนุญาตให้อุทธรณ์หรือไม่และเมื่อสั่งอย่างหนึ่งอย่างใดแล้ว จำเลยจะใช้สิทธิอุทธรณ์หรือฎีกาอีกหาได้ไม่ ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจพิจารณาอีกชั้นหนึ่งว่า ปัญหาที่ไม่อนุญาตให้อุทธรณ์นั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลอุทธรณ์หรือไม่ คำสั่งของศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว…”
พิพากษายืน

Share