แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
คำขอให้พิจารณาใหม่จะต้องยื่นต่อศาลภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล จำเลยยื่นคำขอเมื่อล่วงเลยระยะเวลา15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ส่วนกำหนดระยะเวลา 6 เดือน ตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรก ท่อนท้ายนั้นจะนำมาใช้บังคับต่อเมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันเป็นผลให้จำเลยไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือภายในระยะเวลาตามกำหนดของศาลตามคำขอของจำเลยไม่ปรากฏว่า อ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไว้ จึงไม่ใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้นศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2ให้ร่วมกันชำระเงินค่าเสียหายพร้อมด้วยดอกเบี้ย จำเลยที่ 1ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา จำเลยที่ 2 ยื่นคำให้การต่อสู้คดี แต่ขาดนัดพิจารณาศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2ร่วมกันใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 20,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยจำเลยที่ 2 ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามคำร้องลงวันที่ 1 พฤษภาคม 2530อ้างว่า เหตุที่มาศาลไม่ทันกำหนดนัดเพราะระหว่างที่ทนายจำเลยที่ 2เดินทางมาศาลรถยนต์เกิดยางระเบิด ศาลชั้นต้นเห็นว่าคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ไม่ได้กล่าวโดยละเอียดชัดแจ้งถึงข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลจึงไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 208 วรรคสอง ให้ยกคำร้อง ต่อมาจำเลยที่ 2 ได้ยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ตามคำร้องลงวันที่ 19 สิงหาคม 2530 อ้างว่าถ้าจำเลยที่ 2นำพยานหลักฐานฝ่ายตนเข้าสืบแล้วมีทางชนะคดีได้ ศาลชั้นต้นเห็นว่าได้ส่งคำบังคับแก่จำเลยที่ 2 ด้วย วิธีปิดหมายเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม2530 จำเลยที่ 2 ยื่นคำร้องนี้เมื่อเกินกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับแก่จำเลยที่ 2 จึงให้ยกคำร้อง จำเลยที่ 2 อุทธรณ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คงมีปัญหามาสู่ศาลฎีกาตามที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับไว้แต่เพียงว่า จำเลยที่ 2 จะต้องยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ภายในกำหนด 15 วัน นับแต่วันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาให้จำเลยที่ 2 หรือภายในกำหนด 6 เดือน ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 วรรคแรกท่อนท้าย เห็นว่า คดีนี้ปรากฏว่าเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2530 พนักงานเดินหมายนำคำบังคับไปส่งให้แก่จำเลยที่ 2 ที่บ้านเลขที่ 33/574 หมู่ที่ 19 ถนนงามวงศ์วานแขวงลาดยาว เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร อันเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 2 พบว่าบ้านปิดประตูใส่กุญแจจึงปิดหมายไว้ตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ถือว่าได้ส่งคำบังคับให้แก่จำเลยโดยชอบซึ่งการส่งคำบังคับดังกล่าวมีผลใช้ได้เมื่อกำหนดเวลา 15 วันได้ล่วงพ้นไปแล้วตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 79 วรรคสอง ดังนั้นคำบังคับที่ส่งให้แก่จำเลยที่ 2 จึงมีผลในวันที่ 18 กรกฎาคม 2530จำเลยที่ 2 อาจยื่นคำขอให้พิจารณาใหม่ได้ภายในกำหนด 15 วันนับแต่วันที่การส่งคำบังคับมีผล ซึ่งครบกำหนดในวันที่ 1 สิงหาคม2530 จำเลยที่ 2 มายื่นคำขอให้พิจารณาใหม่วันที่ 19 สิงหาคม 2530ล่วงเลยระยะเวลา 15 วัน ตามที่กฎหมายกำหนดไว้ จึงไม่มีสิทธิขอให้พิจารณาใหม่ได้ ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่า จำเลยที่ 2 มีสิทธิยื่นคำขอภายในกำหนด 6 เดือนนั้น เห็นว่า กำหนดระยะเวลา 6 เดือนตามบทบัญญัติของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา208 วรรคแรกท่อนท้ายนั้น จะนำมาใช้บังคับต่อเมื่อมีพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้อันเป็นผลให้จำเลยที่ 2 ไม่อาจยื่นคำขอภายในกำหนด 15 วัน นับจากวันที่ได้ส่งคำบังคับตามคำพิพากษาหรือภายในระยะเวลาตามคำกำหนดของศาล แต่ตามคำขอของจำเลยที่ 2ไม่ปรากฏว่าอ้างพฤติการณ์นอกเหนือไม่อาจบังคับได้ไว้ จึงมิใช่ข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วแต่ศาลชั้นต้น ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยในส่วนนี้”
พิพากษายืน