แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้กระทำผิดต่อพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2519 มาตรา 19 วรรคแรกโดยมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองเกินกว่า 500กรัม ซึ่งต้องระวางโทษตามมาตรา 49 คือปรับสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดนั้น ความผิดตามมาตรา 19 วรรคแรกดังกล่าวเกิดจากการมียาสูบทั้งหมดไว้ในครอบครอง มิใช่เฉพาะจำนวนที่เกิน 500 กรัม จึงต้องปรับจำเลยตามจำนวนน้ำหนักของยาสูบทั้งหมดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายและมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบมิใช่ปรับเฉพาะตามจำนวนน้ำหนักของยาสูบที่เกิน 500 กรัมเท่านั้น.(ที่มา-ส่งเสริม)
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งมิใช่ผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบ ได้มียาสูบหนัก 1,920 กรัมที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบเป็นเงิน 960 บาทไว้ในครอบครองเกินกว่า 500 กรัมโดยไม่ได้รับอนุญาตขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 มาตรา 19, 44, 49 ริบของกลาง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามฟ้อง รับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งคงปรับ 3,550 บาท ไม่ชำระค่าปรับกักขังแทนริบของกลาง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ปรับจำเลยสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดเป็นเงิน 9,600 บาท ลดรับสารภาพแล้วคงเป็นค่าปรับ4,800 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยมียาสูบต่างประเทศหนัก 1,920 กรัม ที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต คดีมีปัญหาวินิจฉัยในชั้นนี้ตามฎีกาของโจทก์ว่า จะต้องปรับจำเลยสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบในจำนวน ยาสูบ 1,920 กรัม หรือปรับเพียงจำนวน 1,420 กรัมโดยหักจำนวนยาสูบ 500 กรัมที่จำเลยอาจมีไว้ในครอบครองได้โดยไม่ต้องปิดแสตมป์ยาสูบตามมาตรา 19 วรรคแรก แห่งพระราชบัญญัติยาสูบ พ.ศ. 2509 ออกเสียก่อน พิเคราะห์แล้วเห็นว่ามาตรา 19วรรคแรกแห่งพระราชบัญญัติดังกล่าวบัญญัติว่า ‘ห้ามมิให้ผู้ใดมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบตามพระราชบัญญัตินี้ไว้ในครอบครองเกินกว่าห้าร้อยกรัม นอกจากผู้ประกอบอุตสาหกรรมยาสูบเมื่อจำเลยมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบไว้ในครอบครอง1,920 กรัม จึงเป็นความผิดตามมาตรา 19 วรรคแรกอันมีโทษตามมาตรา 49 ซึ่งบัญญัติว่า ‘ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 19 หรือมาตรา 20ต้องระวางโทษปรับสิบเท่าของค่าแสตมป์ยาสูบที่จะต้องปิดหรือที่ยังขาดอยู่ แต่ต้องไม่น้อยกว่าหนึ่งร้อยบาท……….’การกระทำของจำเลยจึงมิได้เป็นความผิดเพราะมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบจำนวน 1,420 กรัม หากแต่เป็นความผิดเพราะมียาสูบที่มิได้ปิดแสตมป์ยาสูบจำนวน 1,920 กรัม การที่ศาลล่างทั้งสองนำจำนวนยาสูบ 500 กรัม ไปหักออกจากจำนวนยาสูบที่จำเลยมีไว้ในครอบครองก่อน แล้วจึงคำนวณโทษปรับจำเลยนั้นจึงไม่ถูกต้อง เพราะยาสูบทั้งหมดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองอันเป็นเหตุให้เกิดความผิดในคดีนี้ มิใช่เฉพาะจำนวนที่เกิน 500กรัม เท่านั้น จึงต้องปรับจำเลยตามจำนวนน้ำหนักของยาสูบทั้งหมดที่จำเลยมีไว้ในครอบครองโดยมิได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงานตามกฎหมายและมิได้ปิดแสตมป์ยาสูบ ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น’
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ. 2509 มาตรา 19 วรรคแรก, 49 กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2523)ออกตามความในพระราชบัญญัติยาสูบพ.ศ. 2509 ลงวันที่ 22 พฤษภาคม2523 ปรับ 9,600 บาท ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78ฆกึ่งหนึ่ง คงปรับ 4,800 บาทไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์’.