แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ใบสมัครงานระบุว่า “ในการขาย ให้เช่า เช่าซื้อหรือการขายสัญญาบริการหรือการก่อหนี้ใด ๆ ให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ (ลูกค้า) พนักงานขายและพนักงานช่างและหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าของการขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการนั้น ๆ ทุกคนจะต้องเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจรับผิดชอบเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการโดยตรง บริษัทฯ ไม่มีส่วนตัดสินใจแต่ประการใด ฉะนั้นความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้านั้น ๆ ได้ พนักงานทุกคนที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าจะต้องรับผิดชอบชดใช้ต่อค่าสินค้าตามใบเสร็จที่ระบุราคาขายให้แก่บริษัทฯ ตามอัตราส่วนของการได้รับค่านายหน้าให้แก่บริษัท” การกำหนดดังกล่าวมิใช่กรณีบุคคลภายนอกผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น เพราะในขณะทำสัญญามีเพียงบุคคลสองฝ่ายคือเจ้าหนี้หรือนายจ้าง กับผู้เข้าประกันหรือลูกจ้างจึงมิใช่สัญญาค้ำประกันผู้ซื้อสินค้า แต่เป็นการตกลงประกันการก่อให้เกิดความเสียหายไว้ล่วงหน้าว่าผู้เข้าประกันหรือลูกจ้างที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าจะต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายจากการตัดสินใจรับผิดชอบเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการ ซึ่งความผูกพันระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ซื้อสัญญาบริการจะเป็นไปตามสัญญาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องนั้น ๆ แต่ความผูกพันระหว่างโจทก์ในฐานะนายจ้างกับพนักงานขาย พนักงานช่างและหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าของการขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการยังคงเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 6 จ้างแรงงาน ดังนั้น จึงมิได้หมายความว่าลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานโดยชอบและสุจริตแล้วยังจะต้องชดใช้ความเสียหายที่ตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นแต่อย่างใด เว้นแต่จะปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ถูกต้องและสุจริตอันเป็นผลให้ไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้าให้แก่นายจ้างตามที่ระบุในใบสมัครงาน และเมื่อเงื่อนไขในใบสมัครงานมิได้กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นพนักงานขาย พนักงานช่าง และหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าต้องทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันผู้อื่น ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ซื้อสัญญาบริการแล้ว เงื่อนไขดังกล่าวจึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมของประชาชนจึงใช้บังคับได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 17,893.40 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขาดนัด ศาลแรงงานกลางพิจารณาและชี้ขาดตัดสินคดีไปฝ่ายเดียว ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 40 วรรคสอง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษาให้จำเลยชำระเงินค่าหน่วยความจำเครื่องพิมพ์เอกสารที่จำเลยเบิกไปจากโจทก์แล้วไม่นำมาคืนเป็นเงิน 1,947.40 บาท แก่โจทก์ พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระหนี้ครบถ้วนฟ้องโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงาน มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์โจทก์ว่า สัญญาจ้างแรงงานตามใบสมัครงาน ที่กำหนดให้พนักงานทุกคนที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าต้องรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นหากไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้าได้ โดยจะต้องรับผิดชอบชดใช้ค่าสินค้าตามใบเสร็จที่ระบุราคาขายให้แก่บริษัทตามอัตราส่วนของการได้รับค่านายหน้าให้แก่บริษัทนั้น เป็นข้อสัญญาที่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนหรือไม่ และจำเลยจะต้องชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์หรือไม่ เพียงใดนั้น เห็นว่า ตามใบสมัครงานระบุว่า “ในการขาย ให้เช่า เช่าซื้อหรือการขายสัญญาบริการหรือการก่อหนี้ใดๆ ให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ (ลูกค้า) พนักงานขายและพนักงานช่างและหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าของการขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการนั้นๆ ทุกคนจะต้องเป็นผู้พิจารณาตัดสินใจรับผิดชอบเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการโดยตรง บริษัทฯ ไม่มีส่วนตัดสินใจแต่ประการใด ฉะนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้นในกรณีที่ไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้านั้นๆ ได้ พนักงานทุกคนที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าจะต้องรับผิดชอบชดใช้ต่อค่าสินค้าตามใบเสร็จที่ระบุราคาขายให้แก่บริษัทฯ ตามอัตราส่วนของการได้รับค่านายหน้าให้แก่บริษัท” การกำหนดดังกล่าวมิใช่กรณีบุคคลภายนอกผูกพันตนต่อเจ้าหนี้คนหนึ่งเพื่อชำระหนี้ในเมื่อลูกหนี้ไม่ชำระหนี้นั้น เพราะในขณะทำสัญญามีเพียงบุคคลสองฝ่ายคือเจ้าหนี้หรือนายจ้าง กับผู้เข้าประกันหรือลูกจ้างจึงมิใช่สัญญาค้ำประกันผู้ซื้อสินค้า แต่เป็นการตกลงประกันการก่อให้เกิดความเสียหายไว้ล่วงหน้าว่าผู้เข้าประกันหรือลูกจ้างที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าจะต้องรับผิดชอบชดใช้ความเสียหายจากการตัดสินใจรับผิดชอบเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการ ซึ่งความผูกพันระหว่างโจทก์กับบุคคลภายนอกผู้ซื้อ ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ซื้อสัญญาบริการจะเป็นไปตามสัญญาภายใต้บทบัญญัติของกฎหมายในเรื่องนั้นๆ แต่ความผูกพันระหว่างโจทก์ในฐานะนายจ้างกับพนักงานขาย พนักงานช่างและหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าของการขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการยังคงเป็นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 6 จ้างแรงงาน ดังนั้น จึงมิได้หมายความว่าลูกจ้างที่ปฏิบัติหน้าที่ตามสัญญาจ้างแรงงานโดยชอบและสุจริตแล้วยังจะต้องรับผิดชดใช้ความเสียหายที่ตนมิได้ก่อให้เกิดขึ้นอีก แต่หากลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ของตนในการพิจารณาตัดสินใจเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการหรือการก่อหนี้ใดๆ ให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ (ลูกค้า) โดยไม่ถูกต้องและสุจริต อันเป็นผลให้ไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ได้ โจทก์ก็สามารถเรียกร้องให้ลูกจ้างรับผิดชดใช้ค่าสินค้าตามใบเสร็จที่ระบุราคาขายให้แก่โจทก์ตามอัตราส่วนของการได้รับค่านายหน้าตามเงื่อนไขในใบสมัครงาน ดังกล่าวได้ และเมื่อเงื่อนไขในใบสมัครงาน มิได้กำหนดให้ลูกจ้างซึ่งเป็นพนักงานขาย พนักงานช่าง และหรือพนักงานผู้ที่มีส่วนได้รับค่านายหน้าต้องทำหน้าที่เป็นผู้ค้ำประกันผู้อื่น ผู้เช่า ผู้เช่าซื้อ หรือผู้ซื้อสัญญาบริการแล้ว เงื่อนไขในใบสมัครงานดังกล่าว จึงไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชนและมีผลบังคับตามความหมายที่กล่าวมา แต่ศาลแรงงานกลางยังมิได้ฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยได้ตัดสินใจเป็นผู้อนุมัติให้ขาย ให้เช่า เช่าซื้อ หรือการขายสัญญาบริการ หรือการก่อหนี้ใดๆ ให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ (ลูกค้า) โดยไม่ถูกต้องและสุจริตอันเป็นผลให้ไม่สามารถเก็บเงินค่าสินค้าให้แก่โจทก์ได้หรือไม่ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงที่จะใช้ประกอบดุลพินิจว่าจะกำหนดให้จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าสินค้าที่ขายให้แก่โจทก์หรือไม่เพียงใด ข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางฟังมาจึงยังไม่พอแก่การวินิจฉัยข้อกฎหมายในประเด็นนี้ เห็นสมควรย้อนสำนวนให้ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวแล้วพิพากษาในประเด็นนี้ใหม่
พิพากษาแก้เป็นว่าให้ยกคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง เฉพาะส่วนที่โจทก์ขอให้จำเลยชำระค่าสินค้าที่ไม่สามารถเรียกเก็บจากลูกค้าได้ ให้ศาลแรงงานกลางรับฟังข้อเท็จจริงเพิ่มเติมดังที่กล่าวมา แล้วพิพากษาในประเด็นนี้ใหม่ตามรูปคดี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง