แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ทนายจำเลยได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีไว้ก่อนถึงวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ เป็นการแจ้งให้ศาลแรงงานกลางทราบถึงเหตุที่ทนายจำเลยไม่อาจมาศาลตามกำหนดนัด ตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 40 วรรคสามแล้ว ไม่ว่าเหตุตามคำร้องนั้นจะมีเหตุสมควรหรือไม่ก็ตาม ศาลแรงงานกลางชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีเสียก่อน แต่ศาลแรงงานกลางมิได้สั่ง กลับสั่งว่าทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง จึงไม่ชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว
หลังจากวันนัดพิจารณา จำเลยยื่นคำร้องแถลงให้ศาลแรงงานกลางทราบถึงความจำเป็นที่จำเลยไม่อาจมาศาลตามกำหนดได้ จึงเป็นการยื่นคำแถลงตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41 ศาลแรงงานกลางชอบที่จะพิจารณาถึงเหตุแห่งความจำเป็นที่จำเลยแจ้ง แต่หาได้กระทำไม่ กลับมีคำสั่งว่าจำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล จำเลยขาดนัดโดยจงใจให้ยกคำร้อง จึงเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย จึงถือได้ว่าเป็นการที่ศาลแรงงานกลางมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 243 (2) ประกอบด้วย พ.ร.บ.จัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า และค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม พร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์ศาลแรงงานกลางส่งสำเนาคำฟ้อง หมายเรียกจำเลย คำสั่งเรียกตัวความพร้อมนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ในวันที่ 11 เมษายน 2548 เวลา 9.30 นาฬิกา ก่อนถึงวันนัด จำเลยยื่นคำให้การพร้อมยื่นคำร้องลงวันที่ 7 เมษายน 2548 ขอเลื่อนคดี อ้างเหตุว่าในวันที่ 11 เมษายน 2548 ทนายจำเลยมีความจำเป็นต้องเดินทางไปร่วมทำบุญตามประเพณีกับมารดาที่จังหวัดนครศรีธรรมราชซึ่งนัดล่วงหน้าไว้ก่อนแล้ว ศาลแรงงานกลางสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยว่า รอสอบสั่งในวันนัด
ในวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์จำเลยทราบนัดโดยชอบแล้วไม่มาศาล โดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องเสียก่อนลงมือสืบพยาน จึงมีคำสั่งว่าจำเลยขาดนัดให้พิจารณาชี้ขาดตัดสินคดีโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วศาลแรงงานกลางพิจารณาพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยจำนวน 15,000 บาท ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมจำนวน 15,000 บาท และสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 15,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงินสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้าจำนวน 15,000 บาท นับแต่วันฟ้อง (วันที่ 1 เมษายน 2548) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำร้องลงวันที่ 18 เมษายน 2548 อ้างถึงเหตุจำเป็นที่ไม่อาจมาศาลตามวันนัดได้ และได้ยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างถึงเหตุที่ไม่อาจมาศาลไว้ก่อนวันนัดแล้วโดยจำเลยไม่มีเจตนาขาดนัด ขอให้ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์คำสั่งต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ตามคำร้องของทนายจำเลยฉบับลงวันที่ 7 เมษายน 2548 ซึ่งทนายจำเลยได้ยื่นขอเลื่อนคดีไว้ก่อนถึงวันนัดพิจารณาและสืบพยานโจทก์ เป็นการแจ้งให้ศาลแรงงานทราบถึงเหตุที่ทนายจำเลยไม่อาจมาศาลตามกำหนดนัด ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 40 วรรคสาม แล้ว ไม่ว่าเหตุตามคำร้องนั้นจะมีเหตุสมควรหรือไม่ก็ตาม ศาลแรงงานกลางชอบที่จะสั่งคำร้องขอเลื่อนคดีของทนายจำเลยเสียก่อน แต่ศาลแรงงานกลางมิได้สั่ง กลับสั่งว่าทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้องจึงมิชอบด้วยกฎหมายดังกล่าว และเมื่อจำเลยยื่นคำร้องฉบับลงวันที่ 18 เมษายน 2548 แถลงให้ศาลแรงงานกลางทราบถึงความจำเป็นที่จำเลยไม่อาจมาศาลตามกำหนดได้ จึงเป็นการยื่นคำแถลงตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 41 ศาลแรงงานกลางชอบที่จะพิจารณาถึงเหตุแห่งความจำเป็นที่จำเลยอ้าง แต่หาได้กระทำไม่ กลับมีคำสั่งว่าเนื่องจากทนายจำเลยยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีโดยที่ศาลสั่งให้รอสั่งในวันนัดถึงกำหนดนัดฝ่ายจำเลยไม่ได้มอบฉันทะให้ผู้ใดมาศาล ซึ่งจำเลยได้ทราบนัดโดยชอบแล้วจำเลยจึงขาดนัดโดยจงใจ ให้ยกคำร้อง อันเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกันจึงถือได้ว่าเป็นการที่ศาลแรงงานกลางมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งว่าด้วยการพิจารณา ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 243 (2) ประกอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 31 อุทธรณ์ของจำเลยฟังขึ้น
พิพากษายกคำสั่งศาลแรงงานกลาง ให้ศาลแรงงานกลางดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วมีคำสั่งใหม่ตามรูปคดี