คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1086/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายนาพิพาทไปก่อนสั่งคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ดังนี้ ผู้ร้องยังเป็นคนนอกคดีในขณะศาลอนุญาตให้ขาย เมื่อผู้ร้องเห็นว่าการขายทำไปโดยไม่ถูกต้องไม่สมควรประการใด ถ้าหากตนมีส่วนได้เสียก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งยกคำสั่งอนุญาตให้ขาย และกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 296 วรรคสองเมื่อศาลไต่สวนสั่งต่อไปประการใด หากไม่พอใจก็อุทธรณ์ฎีกาต่อไป กรณีนี้ ในชั้นแรกศาลก็สั่งนัดไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อสั่งคำร้องของผู้ร้องแล้ว แต่ผู้ร้องกลับขอให้งดการไต่สวนเสียเอง แล้วยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายนาที่พิพาทเสียทีเดียวดังนี้ ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่จะรับฟังตามคำร้องของผู้ร้องได้ ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างที่จะยกเป็นข้ออุทธรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ขายทอดตลาดไปก่อนแล้วได้

ย่อยาว

เดิมโจทก์นำยึดทรัพย์ของจำเลยหลายอย่าง ซึ่งมีที่นาเนื้อที่ 2 ไร่ ซึ่งพิพาทกันในชั้นนี้ด้วยเพื่อขายทอดตลาดใช้หนี้ตามคำพิพากษาศาลได้ขายทอดตลาดไปในวันที่ 26 กันยายน 2512 ในวันนั้นเอง เวลา 15.14 นาฬิกา หลังจากศาลสั่งขายทอดตลาดไปแล้ว ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขัดทรัพย์ไว้ตั้งแต่เวลา 11.00 นาฬิกา ว่าที่ดิน 2 แปลงผู้ร้องได้รับส่วนแบ่งตามคำพิพากษาของศาล เจ้าหน้าที่ไม่ได้เสนอสำนวน(ขัดทรัพย์) ต่อศาล แต่เสนอขายทอดตลาดที่นา 1 แปลง เนื้อที่ 2 ไร่ไป ขอให้สั่งงดขายทอดตลาดนาไว้ชั่วคราว ซึ่งผู้ร้องจะอุทธรณ์ต่อไป
ศาลชั้นต้นสั่งนัดไต่สวนคำร้อง
ผู้ร้องแถลงว่าไม่ติดใจให้ศาลไต่สวนคำร้อง แต่ประสงค์จะอุทธรณ์คำสั่งศาลแล้วผู้ร้องก็ยื่นอุทธรณ์ขอให้ศาลอุทธรณ์เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ขายนาพิพาทไป ให้งดการขายทอดตลาดไว้จนคดีผู้ร้องจะถึงที่สุด
ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น สำหรับขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทให้งดการขายทอดตลาดทรัพย์รายพิพาทไว้ก่อนจนกว่าคดีขัดทรัพย์ของผู้ร้องจะถึงที่สุด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า กรณีนี้ศาลสั่งอนุญาตให้เจ้าพนักงานบังคับคดีขายนาพิพาทไปก่อนสั่งคำร้องขัดทรัพย์ของผู้ร้อง ผู้ร้องยังเป็นคนนอกคดีในขณะศาลอนุญาตให้ขายนาพิพาทแต่เมื่อผู้ร้องเห็นว่าการขายนั้นทำไปโดยไม่ถูกต้องไม่สมควรประการใด ถ้าหากตนมีส่วนได้เสียก็ชอบที่จะร้องขอต่อศาลให้สั่งยกคำสั่งอนุญาตให้ขายและกำหนดวิธีการอย่างใด ๆ ตามที่เห็นสมควร ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 296 วรรค 2 ได้ เมื่อศาลได้ไต่สวนสั่งต่อไปประการใด หากไม่พอใจก็อุทธรณ์ฎีกาต่อไป กรณีนี้ในชั้นแรกศาลก็สั่งนัดไต่สวนหาข้อเท็จจริงเพื่อสั่งคำร้องของผู้ร้องแล้วแต่ผู้ร้องกลับขอให้งดการไต่สวนเสียเอง แล้วยื่นอุทธรณ์ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่อนุญาตให้ขายนาที่พิพาทเสียทีเดียว ดังนี้ ย่อมไม่มีข้อเท็จจริงที่จะรับฟังตามคำร้องของผู้ร้องได้ ผู้ร้องจึงไม่มีข้ออ้างที่จะยกเป็นข้ออุทธรณ์ ขอให้เพิกถอนคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ขายทอดตลาดไปก่อนแล้วได้
พิพากษากลับ ให้ยกอุทธรณ์คำสั่งของผู้ร้อง

Share