คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3187/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์และ ช.ชาวญี่ปุ่นอยู่กินฉันสามีภรรยากันต่อมาช.ส่งเงินจำนวนสิบล้านเยนจากประเทศญี่ปุ่นมาที่จังหวัดพะเยาโดยโอนเงินผ่านธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาพะเยา ระบุชื่อ ช.เป็นผู้รับเงินเพราะ ช. ได้เดินทางตามมาพบโจทก์ด้วย ธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาพะเยาได้โอนเงินเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ของโจทก์เช่นที่เคยปฏิบัติ รุ่งขึ้นโจทก์กับ ช. ไปที่ธนาคารจำเลยที่ 1 โจทก์ขอถอนเงินจำนวน 1,000,000 บาท จากบัญชีสะสมทรัพย์แล้วฝากเงินดังกล่าวในบัญชีเงินฝากประเภทประจำซึ่งมีชื่อโจทก์เป็นเจ้าของบัญชีตามคำชักชวนของพนักงานธนาคารจำเลยที่ 1 ถือได้ว่าการที่ ช. อยู่ด้วยกับโจทก์ขณะโจทก์ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากประเภทสะสมทรัพย์แล้วฝากในบัญชีเงินฝากประเภทประจำ เป็นจำนวน 1,000,000 บาท นั้น ช.ได้รับเงินที่ส่งมาแล้วและได้ส่งมอบให้โจทก์ เป็นผลให้เงินจำนวนสิบล้านเยนตกเป็นของโจทก์โดยการให้โดยเสน่หา จำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจโอนเงินในบัญชีเงินฝากประเภทประจำดังกล่าวของโจทก์คืนให้แก่ ช. โดยปราศจากความยินยอมของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งห้าร่วมกันคืนเงินฝากพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์ จำเลยทั้งห้าให้การทำนองเดียวกันว่าเงินฝากตามฟ้องไม่ใช่ของโจทก์ จำเลยที่ 3 เข้าใจผิดว่า ช.เจ้าของเงินมีเจตนายกให้โจทก์ จึงได้ปรับปรุงบัญชีให้ถูกต้องโดยโอนเงินออกจากบัญชีเงินฝากประจำของโจทก์คืนแก่ ช.และจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เป็นลูกจ้างจำเลยที่ 1 ทำหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมายจากจำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินฝาก 1,000,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยตามฟ้องให้แก่โจทก์ ยกฟ้องสำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 จำเลยที่ 1 อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่านายชิโร่ โคมิย่า โอนเงิน 10 ล้านเยน จากประเทศญี่ปุ่นไปที่ธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาพะเยา จำเลยที่ 3 จึงโอนเงินดังกล่าวไปเข้าบัญชีสะสมทรัพย์ของโจทก์เลขที่ 38071 เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2527 วันรุ่งขึ้นโจทก์กับนายชิโร่ไปติดต่อกับจำเลยที่ 1 สาขาพะเยา โดยโจทก์ถอนเงินทั้งหมดออกจากบัญชีดังกล่าวแล้วฝากใหม่ในชื่อของโจทก์ในบัญชีฝากประจำ 24 เดือนเลขที่ 11172 จำนวนเงิน 1 ล้านบาท ต่อมาอีก 8 เดือนเศษคือในเดือนมกราคม 2528 นายชิโร่จึงโต้แย้งเรื่องเงินพิพาทปัญหามีว่าจำเลยที่ 1 จะต้องรับผิดชดใช้เงินให้โจทก์ตามฟ้องหรือไม่
โจทก์และจำเลยที่ 1 นำสืบตรงกันว่า ก่อนเกิดเหตุคดีนี้นายชิโร่ส่งเงินในนามของโจทก์เป็นผู้รับเงิน แม้จำเลยที่ 1จะอ้างว่าเงินพิพาทนั้นนายชิโร่สั่งจ่ายในนามนายชิโร่เป็นผู้รับเงินเองก็ตาม แต่ก็เป็นที่เห็นได้ชัดตามที่โจทก์จำเลยนำสืบรับกันว่า เมื่อโอนเงินเข้าบัญชีเงินฝากประเภทสะสมทรัพย์ของโจทก์เลขที่ 38071 แล้ว ในวันรุ่งขึ้นคือวันที่ 11 เมษายน 2527นั้นเอง โจทก์กับนายชิโร่มาที่ธนาคารจำเลยที่ 1 สาขาพะเยาขอถอนเงิน 1,020,000 บาท จากบัญชีสะสมทรัพย์หมายเลข38071 จำเลยที่ 4 ชักชวนให้โจทก์ฝากเงินประเภทประจำ24 เดือนเพื่อจะได้ดอกเบี้ยสูง โจทก์ก็ตกลงฝากเงิน 1 ล้านบาทโดยเปิดบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน เลขที่ 11172 พฤติการณ์เช่นนี้ชี้ชัดว่า นายชิโร่มีเจตนามอบเงินจำนวน 10 ล้านเยนที่พิพาทกันนี้ให้โจทก์เช่นที่เคยกระทำ ทั้งนี้เพราะเมื่อโจทก์ถอนเงินจากบัญชีเงินฝากสะสมทรัพย์ไปฝากใหม่ในบัญชีเงินฝากประจำ24 เดือนนั้น โจทก์ก็กระทำต่อหน้านายชิโร่ซึ่งแสดงว่านายชิโร่รู้เห็นยินยอมให้นำเงินจำนวน 1 ล้านบาทไปฝากในบัญชีใหม่นี้ในนามของโจทก์ การที่นายชิโร่ส่งเงินพิพาทมาโดยระบุให้ตนเองเป็นผู้รับเงินก็น่าจะเป็นเพราะนายชิโร่กำลังเดินทางมาจังหวัดพะเยาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะระบุให้โจทก์เป็นผู้รับเงิน ในเมื่อตนเองก็สามารถรับเงินได้ แต่ก็เห็นได้ว่า นายชิโร่มุ่งประสงค์ที่จะมอบเงินจำนวนดังกล่าวให้โจทก์นั่นเอง โดยเหตุที่นายชิโร่กับโจทก์อยู่กินกันฉันสามีภริยา เงินที่ส่งมาก็น่าจะส่งมาให้โจทก์เพื่ออุปการะเลี้ยงดูโจทก์ การที่นายชิโร่แจ้งแก่จำเลยที่ 1 สาขาโตเกียวว่า ยังไม่ได้รับเงินพิพาทที่ส่งไปนั้นจึงไม่ตรงกับความจริง เพราะเมื่อนายชิโร่อยู่ด้วยกับโจทก์ขณะโจทก์ฝากเงินในบัญชีเงินฝากประจำ 24 เดือน ดังได้กล่าวมาแล้วนั้น ถือได้ว่านายชิโร่ได้รับเงินที่ส่งมาแล้ว และมอบให้โจทก์นำไปฝากเข้าบัญชีดังกล่าว จำเลยที่ 1 จึงไม่มีอำนาจที่จะโอนเงินในบัญชีเงินฝากประจำดังกล่าวของโจทก์ไปคืนให้นายชิโร่ดังที่จำเลยที่ 1 ได้กระทำลงไป โดยที่โจทก์มิได้ยินยอมด้วย เพราะเงินจำนวนดังกล่าวตกเป็นของโจทก์โดยการให้โดยเสน่หาแล้ว จำเลยที่ 1 จึงต้องรับผิดต่อโจทก์คำพิพากษาศาลฎีกาที่จำเลยที่ 1 อ้างมาในฎีกานั้น ข้อเท็จจริงต่างกับคดีนี้ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยที่ 1 ทุกข้อ ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share