คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1242/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

จำเลยทราบดีว่าอ้อยที่จำเลยสั่งให้คนงานตัดเป็นของผู้อื่น ที่มาไถพืชผลของจำเลยที่ปลูกไว้ในที่ดินที่เกิดเหตุซึ่งโจทก์ร่วม และจำเลยพิพาทแย่งสิทธิครอบครองกันอยู่แล้วปลูกอ้อยขึ้นแทน แม้จำเลยจะไม่ทราบว่าโจทก์ร่วมเป็นเจ้าของอ้อยและก่อนตัดอ้อย จำเลยจะได้แจ้งความให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้ล่วงหน้า ก็ตาม จำเลยก็ไม่มีอำนาจที่จะตัดอ้อยดังกล่าว การที่จำเลยสั่งให้ ตัดอ้อยของโจทก์ร่วมจึงมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกตัดอ้อยในไร่ของผู้เสียหายซึ่งมีอาชีพกสิกร อันเป็นการทำให้เสียทรัพย์ แล้วลักอ้อยดังกล่าวไป ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 359(4), 335(7)(12)จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์ร่วมอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 359(4), 83 ให้จำคุกคนละ 6 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหามีว่าจำเลยทั้งสองกระทำผิดฐานทำให้เสียทรัพย์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสองทราบดีอยู่แล้วว่า อ้อยที่จำเลยทั้งสองสั่งให้คนงานตัดเป็นอ้อยของผู้อื่นที่มาไถพืชผลของจำเลยที่ปลูกไว้ในที่ดินที่เกิดเหตุแล้วปลูกอ้อยขึ้นแทน แม้จำเลยทั้งสองจะไม่ทราบว่าใครเป็นเจ้าของอ้อยที่ปลูกไว้หลังจากสืบหาตัวเจ้าของแล้วก็ตาม แต่จำเลยทั้งสองก็ไม่มีอำนาจที่จะตัดอ้อยดังกล่าวได้ เพราะไม่ใช่อ้อยของจำเลยทั้งสองการที่จำเลยสั่งให้คนงานตัดอ้อยของโจทก์ร่วมจึงเป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ แม้ก่อนทำการตัดอ้อยจำเลยทั้งสองจะได้แจ้งความให้เจ้าพนักงานตำรวจรับทราบไว้ล่วงหน้าก็ไม่มีผลทำให้การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์ไปได้จำเลยทั้งสองจะอ้างว่ากระทำไปเพื่อป้องกันสิทธิในทรัพย์สินของตนโดยไม่มีเจตนาทำให้เสียทรัพย์หาได้ไม่ ทั้งโจทก์ร่วมพยานโจทก์ก็เบิกความโต้เถียงสิทธิครอบครองในที่ดินที่เกิดเหตุว่าเป็นของตนด้วย ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานทำให้เสียทรัพย์มานั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งสองฟังไม่ขึ้น แต่จำเลยทั้งสองอายุมากแล้ว ประกอบกับไม่เคยได้รับโทษจำคุกมาก่อน จึงเห็นสมควรรอการลงโทษให้จำเลยเพื่อให้โอกาสกลับตัว แต่ให้ลงโทษปรับด้วยอีกโสดหนึ่ง”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 6 เดือนและปรับคนละ 2,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนดคนละ 2 ปีตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share