คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4664/2534

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นฝ่ายผิดสัญญาฟ้องเรียกเอาค่าการงานที่โจทก์ได้ทำให้จำเลยไปแล้ว และการงานนั้นตกได้แก่จำเลยโดยไม่อาจทำให้ คืนสภาพเดิมได้ แม้จะมีข้อสัญญาให้การงานที่ทำไปแล้วตกเป็นของ จำเลยโดยโจทก์ไม่อาจเรียกค่าทดแทนได้ แต่สัญญาข้อดังกล่าวกำหนด ไว้เพื่อเอาการงานที่ทำไปเป็นการประกันหรือชดใช้ค่าเสียหายของ จำเลยส่วนหนึ่งอันจะพึงมีในกรณีที่โจทก์ผิดสัญญาและจำเลยได้บอก เลิกสัญญาแล้ว เมื่อจำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์ หรือให้การโดยชัดแจ้งว่าจำเลยได้รับความเสียหายเกินกว่าค่าของ การงานที่โจทก์ทำไป ทั้งยังให้การรับว่าค่าการงานที่โจทก์ทำไปตก ได้แก่จำเลยคิดเป็นเงินจำนวนหนึ่ง จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระเงิน ในส่วนที่จำเลยได้รับประโยชน์จากค่าการงานของโจทก์ตามที่จำเลย ให้การรับ มาจะยึดหน่วงสินจ้างไว้ทั้งสิ้นหาได้ไม่.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำสัญญาว่าจ้างโจทก์ทำการปรับปรุงบ่อดินโดยโจทก์เป็นผู้จัดหาวัสดุสัมภาระตามแบบที่วิศวกรของจำเลยกำหนด ตกลงจ่ายค่าจ้างเป็น 2 งวด โจทก์ลงมือปรับปรุงและส่งมอบงานงวดแรกให้จำเลยรับไว้โดยถูกต้องและจำเลยจ่ายเงินค่าจ้างงวดแรกให้แก่โจทก์แล้ว แต่ในการทำงานงวดที่สองปรากฏว่าเมื่องานเกือบจะแล้วเสร็จ กระเบื้องผนังบ่อทนแรงอัดของดินไม่ได้เกิดแตกหักหลายแห่ง ดินข้างบ่อพังทลายลงในบ่อ เพราะวิศวกรของจำเลยคำนวณวัสดุก่อสร้างไม่ถูกต้องตามหลักวิชาการและสภาพของงาน โจทก์เคยทักท้วงแต่วิศวกรของจำเลยไม่ยอมเปลี่ยนวัสดุ โจทก์แจ้งให้แก้ไขแบบแปลนจำเลยก็ไม่ยอม โจทก์พยายามบำบัดความเสียหายและก่อสร้างตามแบบแปลนต่อมาแต่ไม่สามารถปฏิบัติงานให้แล้วเสร็จตามสัญญาโจทก์แจ้งให้จำเลยจ่ายค่างานงวดที่ 2 ในส่วนที่ได้กระทำการและส่งมอบไปแล้วเป็นเงิน 617,700 บาท จำเลยปฏิเสธ โจทก์บอกเลิกสัญญาและให้ชำระค่างานจำเลยก็ไม่ชำระ โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยจากต้นเงินจำนวนดังกล่าวอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีคิดถึงวันฟ้องเป็นเงิน 57,275 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 674,975 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 617,700 บาทนับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า วิศวกรของจำเลยมิได้คำนวณแบบแปลนหรือกำหนดวัสดุผิดพลาด โจทก์ปรับปรุงบ่อไม่เสร็จตามสัญญาเพราะปฏิบัติงานไม่ตรงตามแบบแปลนและหลักวิชาการ โจทก์ไม่มีสิทธิบอกเลิกสัญญา จำเลยไม่ต้องรับมอบงานที่ยังไม่แล้วเสร็จและชำระค่างานที่ทำไปแล้ว ค่างานที่ทำไปแล้วเป็นเงินไม่เกิน 260,000 บาทจำเลยมีสิทธิบอกเลิกสัญญากับโจทก์ตามสัญญาข้อ 21 ซึ่งกำหนดว่าเมื่อจำเลยบอกเลิกสัญญาแล้วกรรมสิทธิ์ของงานที่ทำตกเป็นของจำเลยจำเลยมีสิทธิระงับการจ่ายค่างานที่ทำไปแล้วไว้เพื่อเป็นประกันหนี้คือ ค่าใช้จ่ายในการจ้างผู้อื่นทำงานต่อ ตลอดจนค่าปรับและค่าเสียหายต่าง ๆ หากไม่พอชำระโจทก์ยังต้องรับผิดต่อจำเลยอีกตามสัญญาซึ่งจำเลยจะได้ฟ้องเรียกร้องต่อไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์ไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จเกิดจากการก่อสร้างของโจทก์บกพร่อง แต่โจทก์ฟ้องเรียกเอาค่าการงานที่โจทก์ได้ทำให้จำเลยไปแล้ว และการงานนั้นตกได้แก่จำเลยโดยไม่อาจทำให้คืนสภาพเดิมได้ ถึงแม้ในสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยจะมีระบุไว้ในข้อ 21 ว่าให้การงานที่ทำไปแล้วตกเป็นของจำเลยโดยโจทก์ไม่อาจเรียกค่าทดแทนได้ก็ดี แต่กรณีของสัญญาข้อดังกล่าวเป็นการกำหนดไว้เพื่อเอาการงานที่ทำไปเป็นการประกันหรือชดใช้ค่าเสียหายของจำเลยส่วนหนึ่งอันจะพึงมีในกรณีที่โจทก์ผิดสัญญาและจำเลยได้บอกเลิกสัญญาแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยมิได้ฟ้องแย้งเรียกค่าเสียหายจากโจทก์หรือให้การโดยชัดแจ้งว่าจำเลยได้รับความเสียหายเกินกว่าค่าการงานที่โจทก์ทำไป ทั้งยังให้การรับว่า ค่าการงานของโจทก์ที่ทำไปนั้นตกได้แก่จำเลยคิดเป็นเงินไม่เกิน 260,000 บาท จำเลยจึงมีหน้าที่ชำระเงินในส่วนที่จำเลยได้รับประโยชน์จากค่าการงานของโจทก์ตามที่จำเลยให้การรับมาจะยึดหน่วงสินจ้างไว้ทั้งสิ้นหาได้ไม่
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ 260,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันถัดจากวันฟ้อง.

Share