คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 855/2520

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยสลักหลังเช็คพิพาทนำมาขายลดให้แก่โจทก์ โดยตกลงกับโจทก์ว่าเมื่อถึงกำหนดชำระเงินแล้วให้โจทก์นำเช็คไปขึ้นได้ หากขึ้นเงินไม่ได้ จำเลยยอมรับผิดชดใช้เงินตามเช็คพร้อมด้วยดอกเบี้ย ครั้นเมื่อถึงกำหนดวันชำระเงินตามเช็คพิพาท โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินไม่ได้ จึงขอให้บังคับจำเลยใช้เงินตามเช็คและหนังสือสัญญาขายลดเช็คพร้อมทั้งดอกเบี้ย ดังนี้ เห็นได้ว่าโจทก์หาได้ฟ้องจำเลยผู้สลักหลังเช็คให้รับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค แต่อย่างเดียวไม่ แต่โจทก์ยังได้ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทำกับโจทก์อีกด้วย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะจึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 164 คือมีอายุความ 10 ปี แม้โจทก์ฟ้องเกิน 1 ปี นับแต่วันที่ลงในเช็คพิพาท คดีโจทก์ก็ไม่ขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์จดทะเบียนเป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ประกอบกิจการธนาคาร เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๗ และวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๗ จำเลยซึ่งเป็นลูกค้าธนาคารโจทก์ได้นำเช็คธนาคารนครหลวงไทย จำกัด ลงวันที่ ๒๕ กรฎาคม ๒๕๑๗ สั่งจ่ายเงิน ๒๕,๐๐๐ บาท และเช็คธนาคารกรุงเทพจำกัด ลงวันที่ ๓ สิงหาคม ๒๕๑๗ สั่งจ่ายเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท รวม ๒ ฉบับ ซึ่งจำเลยเป็นผู้สลักหลังมาขายลดให้แก่โจทก์ โดยตกลงกับโจทก์ว่าเมื่อเช็คถึงกำหนดชำระเงินแล้วให้โจทก์นำเช็คไปขึ้นเงินได้ หากไปขึ้นเงินไม่ได้ด้วยประการใดๆ จำเลยยอมรับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปี ตลอดทั้งค่าเสียหายอื่นๆ อันจะพึงมีขึ้น ปรากฏตามสำเนาหนังสือสัญญาขายลดเช็คและเช็คท้ายฟ้อง ครั้นเมื่อถึงกำหนดวันชำระเงินตามเช็ค โจทก์ได้นำเช็คเข้าบัญชีธนาคารโจทก์เพื่อเรียกเก็บเงิน ธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน จำเลยจึงต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คและหนังสือสัญญาขายลดเช็คให้แก่โจทก์พร้อมทั้งดอกเบี้ย จึงขอให้ศาลบังคับจำเลยชำระเงิน ๕๑,๖๖๒ บาท ๔๕ สตางค์ และดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า จำเลยได้นำเช็คตามฟ้องสลักหลังต่อให้แก่โจทก์จริง แต่โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อพ้นกำหนดเวลา ๑ ปีแล้ว คดีโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน ๕๑,๖๖๒ บาท ๔๕ สตางค์ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๔ ต่อปี ในต้นเงิน ๔๕,๐๐๐ บาท นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าชำระเงินเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็ค คดีโจทก์ขาดอายุความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตร ๑๐๐๒ แล้ว
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามคำฟ้องโจทก์เห็นได้ว่าโจทก์หาได้ฟ้องจำเลยผู้สลักหลังเช็คให้รับผิดใช้เงินตามเช็คแก่โจทก์ในฐานะโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คแต่อย่างเดียวไม่ แต่โจทก์ยังได้ฟ้องจำเลยให้ปฏิบัติตามสัญญาขายลดเช็คที่จำเลยทำกับโจทก์ เมื่อวันที่ ๙ พฤษภาคม ๒๕๑๗ และวันที่ ๑๐ กรกฎาคม ๒๕๑๗ ตามเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข ๓ และ ๔ ตามลำดับอีกด้วย สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามสัญญาขายลดเช็คไม่มีกฎหมายบัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องบังคับตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๖๔ คือมีกำหนดอายุความ ๑๐ ปี โจทก์ฟ้องคดีนี้เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๑๘ คดีโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความ
พิพากษายืน

Share