แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า ที่ดินเป็นของโจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่า ที่ดินเป็นของจำเลย กรณีจึงพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน ฉะนั้นเมื่อจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย อำนาจในการต่อสู้คดีย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่เพียงผู้เดียว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย มาตรา 22 เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แถลงไม่ขอเข้าว่าคดีแทนจำเลย จำเลยจึงไม่มีสิทธิต่อสู้คดีได้ด้วยตนเอง ซึ่งรวมทั้งสิทธิในการยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถาด้วย
ย่อยาว
คดีนี้ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า ที่ดินมือเปล่าซึ่งตั้งอยู่บ้านตลาดแค หมู่ที่ 12 ตำบลธารประสาท อำเภอสูงเนินจังหวัดนครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ ตามแผนที่พิพาท จ.1, ล.1เป็นของโจทก์ ห้ามจำเลยและบริวารเข้าเกี่ยวข้องอีกต่อไป จำเลยอุทธรณ์ และยื่นคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงว่า ไม่ขอเข้าว่าคดีแทนลูกหนี้ (จำเลย) ในคดีนี้ตามมติที่ประชุมเจ้าหนี้ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ไม่เข้ามาในคดี จำเลยจึงไม่อาจดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้จึงไม่รับคำร้องขออุทธรณ์อย่างคนอนาถา
จำเลยยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งศาล และต่อมาจำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 มีคำสั่งยกคำร้องอุทธรณ์คำสั่งของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงได้ความว่า โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่าที่ดินมือเปล่าเนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ เป็นของโจทก์และห้ามจำเลยกับบริวารเข้าเกี่ยวข้อง จำเลยให้การว่าที่ดินดังกล่าวเป็นของจำเลย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง กรณีจึงพิพาทกันเกี่ยวกับสิทธิในที่ดิน หาใช่เป็นการใช้สิทธิเฉพาะตัวไม่ ฉะนั้นเมื่อจำเลยเป็นบุคคลล้มละลาย อำนาจในการต่อสู้คดีดังกล่าวย่อมเป็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แต่ผู้เดียว ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย จำเลยจึงไม่มีสิทธิต่อสู้คดีได้ด้วยตนเองซึ่งรวมทั้งสิทธิในการยื่นคำร้องขอดำเนินคดีอย่างคนอนาถาด้วย
พิพากษายืน