คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3286/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยให้การว่าลายเซ็นในสัญญากู้ไม่ใช่ของจำเลยสัญญากู้เป็นเอกสารปลอม คำให้การดังนี้เป็นการปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงของสัญญากู้และอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นว่า จำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริงหรือไม่ เมื่อจำเลยนำสืบและคดีฟังได้ว่าลายมือชื่อในสัญญากู้เป็นของจำเลยแต่จำเลยมิได้เขียนข้อความในสัญญากู้เท่ากับสัญญากู้ไม่ถูกต้อง หนี้ตามสัญญากู้ไม่สมบูรณ์จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงดังฟ้อง กรณีจึงหา เป็นการนำสืบและรับฟังนอกประเด็นไปจากข้อต่อสู้ในคำให้การ ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญากู้ยืมเงินโจทก์และรับเงินไปแล้วครบกำหนดสัญญาจำเลยไม่ชำระต้นเงินคืน และติดค้างดอกเบี้ยขอให้จำเลยชำระต้นเงินและดอกเบี้ยแก่โจทก์

จำเลยให่การว่า ไม่เคยกู้เงินโจทก์ สัญญากู้ที่นำมาฟ้องเป็นเอกสารปลอมโดยโจทก์กรอกข้อความว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ไป จำเลยไม่เคยลงชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ที่นำมาฟ้อง โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยเคยกู้เงินโจทก์แต่ได้ชำระหนี้แก่โจทก์ไปแล้ว

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์เอาแบบพิมพ์สัญญากู้ที่จำเลยลงชื่อไว้มากรอกข้อความขึ้นโดยจำเลยไม่ยินยอม จึงเป็นเอกสารปลอมฟังไม่ได้ว่าจำเลยกู้เงินโจทก์ตามฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายตามฎีกาของโจทก์ที่ว่าจำเลยยื่นคำให้การต่อสู้ว่า ลายเซ็นในช่องผู้กู้ไม่ใช่ลายเซ็นจำเลย สัญญากู้ที่ฟ้องเป็นเอกสารปลอม แต่จำเลยกลับนำสืบว่า ลายเซ็นในสัญญากู้เป็นของจำเลยซึ่งเซ็นให้โจทก์เมื่อ 10 ปีมาแล้ว โดยไม่ได้กรอกข้อความ โจทก์นำมากรอกข้อความเอาเองโดยจำเลยไม่ยินยอม เป็นการนำสืบที่ขัดแย้งกับคำให้การจึงรับฟังไม่ได้ เห็นว่า ประเด็นแห่งคดีที่ศาลชั้นต้นกำหนดมีว่าจำเลยได้กู้เงินโจทก์ไปจริงดังฟ้องหรือไม่ จำเลยให้การปฏิเสธลายเซ็นในสัญญากู้ว่าไม่ใช่ของจำเลย เท่ากับปฏิเสธความถูกต้องแท้จริงแห่งเอกสารและกล่าวอ้างว่าหนี้นั้นไม่สมบูรณ์ เมื่อคดีฟังได้ว่าลายมือชื่อเป็นของจำเลย แต่จำเลยมิได้เขียนข้อความในสัญญากู้ ก็เท่ากับเอกสารสัญญากู้นั้นไม่ถูกต้องหนี้ตามสัญญาไม่สมบูรณ์หมายถึงว่าจำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ไปจริงดังฟ้องจึงไม่เป็นการนำสืบและรับฟังนอกประเด็นจากข้อต่อสู้ในคำให้การ

พิพากษายืน

Share