แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยซึ่งเป็นลูกจ้างโดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์ ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้ ป. และ ส. ไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้. และขายมะพร้าวเชื่อให้ ต.และง.เกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้.จำเลยในฐานะตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าว ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 812. ข้อที่โจทก์เคยฟ้องเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าว แล้วถอนฟ้อง. เหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้.และยังปล่อยให้หนี้ขาดอายุความ. จำเลยจึงยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1 ก่อให้เกิดขึ้น. เพราะโจทก์ไม่มีทางรับชำระหนี้อีกต่อไป.
จำเลยเป็นตัวแทนโจทก์ขายมะพร้าวเชื่อให้ พ.เกินอำนาจของจำเลย. โจทก์ฟ้อง พ. เรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวจนโจทก์ชนะคดีไปแล้ว แต่บังคับคดีไม่ได้.เพราะ พ. หลบหนีไป. โจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายจากจำเลยอีกไม่ได้.ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์หมดไป. โดยการที่โจทก์บังอาจบังคับคดีเอาจาก พ. ลูกหนี้ได้. จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้. (วินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ครั้งที่ 20-22/2512).
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างโจทก์ โดยเป็นผู้จัดการสาขาของโจทก์มีหน้าที่ขายมะพร้าว จำเลยที่ 1 ได้กระทำละเมิด โดยมิได้ใช้ความสามารถและความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชนซึ่งอยู่ในฐานะจำเลยจะพึงใช้ เป็นเหตุให้โจทก์เสียหายรวมเป็นเงิน 41,905 บาทจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจะต้องรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ขอให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระค่าเสียหายจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย ฯลฯ จำเลยทั้งสองให้การสู้คดี ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ใช้เงินจำนวน 21,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ย หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ 2 ชำระแทน ฯลฯ โจทก์อุทธรณ์ ขอให้จำเลยทั้งสองรับผิดเต็มจำนวน และจำเลยทั้งสองก็อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นให้ยกฟ้องโจทก์ตามข้อ 3, 4, 5 ที่ศาลชั้นต้นให้จำเลยรับผิดเสียด้วย โจทก์ฎีกา ศาลฎีกาเห็นว่า ได้ความว่าจำเลยที่ 1 ได้ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายประสงค์ นางสมมาสไปโดยมิได้ให้ผู้ซื้อทำหลักฐานการซื้อไว้10,063 บาท ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายเต็กเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อเชื่อได้ไป 3,300 บาท ขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายโปยง้วนเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อซื้อเชื่อได้ไป7,500 บาท จำเลยที่ 1 ในฐานะที่เป็นตัวแทนของโจทก์ในเรื่องการค้ามะพร้าวนี้ ก็ต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยได้ก่อให้เกิดขึ้นแก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 812 โจทก์เคยฟ้องนายประสงค์นางสมมาสเรียกหนี้ค่าซื้อเชื่อมะพร้าวรายนี้ แล้วถอนฟ้องเสียเอง ก็ได้ความว่าเหตุที่โจทก์จำต้องถอนฟ้องก็เพราะจำเลยที่ 1 นั้นเองมิได้ทำหลักฐานการซื้อเชื่อไว้และยังปล่อยให้หนี้รายนี้ขาดอายุความ ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่จึงมีความเห็นว่าจำเลยยังต้องรับผิดในความเสียหายที่จำเลยที่ 1ได้ก่อให้เกิดขึ้น เพราะโจทก์ไม่มีทางจะได้รับชำระหนี้จากนายประสงค์นางสมมาสอีกต่อไป ส่วนการขายมะพร้าวเชื่อให้แก่นายพงษ์ชัยเกินอำนาจผู้จัดการสาขาที่จะให้ผู้ซื้อเชื่อได้ไป 7,200 บาทนั้น แม้จำเลยจะทำผิดหน้าที่เช่นเดียวกับรายนายประสงค์ นางสมมาส นายเต็กและนายโปยง้วน คดีก็ได้ความว่า โจทก์ได้ฟ้องนายพงษ์ชัยเรียกให้ชำระหนี้ค่าซื้อมะพร้าวเชื่อจนชนะคดีไปแล้ว แต่ยังบังคับคดีไม่ได้เพราะนายพงษ์ชัยลูกหนี้อพยพหลบหนีไป ศาลฎีกาโดยที่ประชุมใหญ่เห็นว่าโจทก์จะเรียกร้องเอาค่าเสียหายในกรณีนี้จากจำเลยอีกไม่ได้ ต้องถือว่าความเสียหายของโจทก์นั้นได้หมดไปโดยการที่โจทก์ยังอาจบังคับคดีเอากับนายพงษ์ชัยลูกหนี้ได้จำเลยจึงไม่ต้องรับผิดในกรณีนี้ สำหรับการขายมะพร้าวให้แก่นายนิพนธ์ ซึ่งนายนิพนธ์ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ไว้เป็นเงิน 7,662.60 บาท และมีมะพร้าวเสียขาดบัญชีไปอีกเป็นเงิน 3,180.40 บาทนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าความเสียหายของโจทก์ทั้งสองกรณีนี้หาใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 1 ไม่ จำเลยที่ 1 จึงมิจำต้องรับผิดชดใช้ให้โจทก์ พิพากษาแก้ว่า ให้จำเลยที่ 1 ชำระค่าเสียหายตามข้อ 1 เงิน3,000 บาท ข้อ 2 รายนายประสงค์ นางสมมาสเงิน 10,063 บาท ข้อ 4รายนายเต็กเงิน 3,300 บาท และข้อ 5 รายนายโป้ยง้วนเงิน 7,500 บาทรวมเป็นเงิน 23,863 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 7 ครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าว ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม 2505 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเงินเสร็จให้โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระ ก็ให้จำเลยที่ 2 ผู้ค้ำประกันรับผิดชำระแทน.